Customize Consent Preferences

We use cookies to help you navigate efficiently and perform certain functions. You will find detailed information about all cookies under each consent category below.

The cookies that are categorized as "Necessary" are stored on your browser as they are essential for enabling the basic functionalities of the site. ... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

No cookies to display.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

No cookies to display.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

No cookies to display.

Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

No cookies to display.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customized advertisements based on the pages you visited previously and to analyze the effectiveness of the ad campaigns.

No cookies to display.

ฟางเส้นสุดท้ายก่อน 14 ตุลา: คดีลอบล่าสัตว์ป่าของอภิสิทธิ์ชนคนรวย - EnvironmanEnvironman

ฟางเส้นสุดท้ายก่อน 14 ตุลา: คดีลอบล่าสัตว์ป่าของอภิสิทธิ์ชนคนรวย

ซากกระทิง 16 สู่เสือดำ 61 สังคมไทยเรียนรู้อะไร?

ฟางเส้นสุดท้ายก่อน 14 ตุลา 2516 การลักลอบล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรของกลุ่มนายทหารและอภิสิทธิ์ชน

เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ 14 ตุลา เราจะนึกถึงอะไรกัน? เหตุการณ์การต่อสู้ของประชาชน การปราบปรามผู้ประท้วง การต่อสู้ของขบวนการนักศึกษา หรือความไม่พอใจต่อรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร รึเปล่า?

ย้อนกลับไปในห้วงเวลา ‘ก่อน 14 ตุลา’ ความไม่พอใจของประชาชนและเหล่านักศึกษาที่ก่อตัวจนนำไปสู่การเคลื่อนไหวในช่วงทศวรรษ 2510 มีมากมายหลายชนวน ซึ่งหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่นำไปสู่ความไม่พอใจของผู้คนคือเรื่องฉาวในทุ่งนเรศวรที่พบว่านักการเมืองและอภิสิทธิ์ชนมีส่วนในการลักลอบล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ที่จังหวัดกาญจนบุรี

5 เดือนก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลา

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2516 เกิดเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์กองทัพบกหมายเลข ทบ.6102 ที่บินกลับจากทุ่งใหญ่นเรศวรตกที่ อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ซึ่งในบรรดาผู้เสียชีวิตมีทั้งดาราชื่อดังและนายทหารชั้นสูง รวมถึงพบซากสัตว์ป่าจำนวนมาก

เมื่อตรวจสอบจึงพบว่า คณะเดินทางเป็นกลุ่มคณะนายทหารและนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ จำนวนประมาณ 60 คนที่เดินทางมาจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จังหวัดกาญจนบุรี จากการไปตั้งค่ายพักแรมเพื่อฉลองวันเกิด และมีการใช้อาวุธสงครามล่าสัตว์ป่าภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จังหวัดกาญจนบุรี ระหว่างวันที่ 26-29 เมษายนและยังมี พันเอกณรงค์ กิตติขจร บุตรชายของจอมพลถนอม กิตติขจร และดาราสาว เมตตา รุ่งรัตน์ ร่วมเดินทางไปด้วย

ภายในฮ. ยังพบซากสัตว์ป่า เนื้อสัตว์จากการล่า อาทิ กระทิง และอาวุธล่าสัตว์หลายชนิด เรื่องนี้จึงถูกนำไปเชื่อมโยงถึงการลักลอบล่าสัตว์ป่าของผู้มีอิทธิพลและชนชั้นนำ

ภาพบนหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย วันพุธที่ 2 พฤษภาคม 2516

ความสูญเสียที่ทุ่งใหญ่ฯ สู่การเคลื่อนไหว 14 ตุลาฯ

ก่อนหน้าฮ. ตกนั้นมีข่าวลือการลักลอบล่าสัตว์ของกลุ่มพรานบรรดาศักดิ์มาอย่างหนาหู ทำให้สื่อ นักศึกษา และเจ้าหน้าที่ป่าไม้มีการลงพื้นที่ซุ่มเก็บหลักฐาน นำมาซึ่งข้อมูลและรูปภาพยืนยันว่า มีคณะนายทหารตำรวจและพ่อค้าเข้ามาล่าสัตว์ในทุ่งใหญ่นเรศวรจริง หลายคนเป็นคนสนิทของบุคคลในรัฐบาล โดยมีทั้งการตั้งแคมป์โดยใช้ทรัพย์สิน อาวุธของราชการ รวมถึงพบซากสัตว์ที่ถูกล่าตายทิ้งอยู่เป็นจำนวนมากอย่างกีบกระทิง หนังกวาง หนังชะมด

ที่มา: Facebook เมืองเก่าเล่าใหม่

คำอธิบายตอบกลับของรัฐบาล -“เนื้อสัตว์ป่าเป็นของคนอื่นฝากมา”

หน้าหนึ่งบนหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย วันพุธที่ 2 พฤษภาคม 2516 พาดหัวว่า “นายกฯ ยืนยัน คณะคอปเตอร์ตกไปราชการลับ นักศึกษาแฉเผชิญนักล่ากลางป่า”

โดยจอมพลถนอม กิตติขจร นายกฯ ในขณะนั้นได้ชี้แจงว่าการเดินทางไปยังเขตป่าสงวนพันธุ์สัตว์นั้นเป็นราชการลับ ‘ที่เปิดเผยไม่ได้’ และเป็นการดูแลความสงบชายแดนในช่วงที่ นายพลเน วิน นายกรัฐมนตรีพม่ามาเยือนไทยเท่านั้น ส่วนเนื้อสัตว์ที่อยู่ในเฮลิคอปเตอร์ได้ให้ความเห็นว่า “อาจจะมีคนถือโอกาสฝากมาก็ได้”  

ฟางเส้นสุดท้ายก่อน 14 ตุลาฯ

ด้วยการกระทำนี้เกิดจากกลุ่มอภิสิทธิ์ชนและผู้มีบทบาททางการเมือง รวมถึงเป็นความผิดตามพรบ.คุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 จึงยิ่งเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า รัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องและเลือกปกป้องกลุ่มคนที่กระทำผิดด้วยหรือไม่ จนกลายเป็นอีกชนวนสำคัญที่นำไปสู่การเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลจอมพลถนอมฯ

ประชาชนและกลุ่มนิสิตนักศึกษาได้ออกมาแสดงท่าทีต่าง ๆ เช่น จัดเสวนาถกเถียงปัญหา ออกแถลงการณ์เปิดโปงข้อมูล ในช่วงเดือนเมษายน ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยได้ร่วมกับชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติประท้วงกรณีกลุ่มพรานบรรดาศักดิ์ได้ใช้ ฮ. เข้าไปล่าสัตว์สงวนในทุ่งป่าใหญ่นเรศวร และกรณีโรงงานน้ำตาลปล่อยของเสียจนแม่น้ำแม่กลองเน่า

ที่มา: หนังสืออนุสรณ์สถาน 14 ตุลาคม 2516

รวมไปถึงศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนท.) ได้มีการตีพิมพ์หนังสือ “บันทึกลับจากทุ่งใหญ่” ที่วิพากษ์วิจารณ์ เสียดสี และรวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกรณีนี้ ซึ่งเป็นที่สนใจจนขายหมดหลายพันเล่มในไม่กี่ชั่วโมงและตีพิมพ์ซ้ำเป็นแสนเล่มในเวลาต่อมา 

และหนังสือ “มหาวิทยาลัยที่ไม่มีคำตอบ” โดยกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง กลุ่ม “ชมรมคนรุ่นใหม่” ซึ่งการออกหนังสือครั้งนี้นำไปสู่การคัดชื่อนักศึกษา 9 คน ออกจากมหาวิทยาลัย ด้วยข้อหาว่าเป็นการเสียดสีรัฐบาล และเป็นจุดเริ่มต้นของการประท้วงอย่างต่อเนื่อง ความไม่พอใจในกลุ่มนักศึกษาหลายสถาบันนำไปสู่การรวมตัวกันประท้วงหน้าทบวงมหาวิทยาลัยและเดินขบวนไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนที่ ดร.ศักดิ์ ผาสุขนิรันต์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงจะลาออก และกลุ่มนักศึกษายอมสลายตัว และเรียกร้องให้รัฐบาลคืนอำนาจ ร่างรัฐธรรมนูญให้เสร็จภายใน 6 เดือน 

ภาพบนหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย วันพุธที่ 2 พฤษภาคม 2516

นอกจากลุ่มนักศึกษายังมี ประยูร จรรยาวงษ์ นักเขียนการ์ตูนการเมืองชื่อดังที่มีผลงานมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2477 ก็หวนกลับมาจับปากกาวาดการ์ตูนถึงกรณีนี้อีกครั้ง ด้วยภาพฝูงกระทิงนอนตายมีธงชาติไทยคลุมตัว สะท้อนให้เห็นความสูญเสียที่ทุ่งใหญ่นเรศวร 

“ผมหักปากกาทิ้งแล้วเชียว ว่าจะไม่เขียนการ์ตูนการเมืองอีกเด็ดขาด แต่เหตุการณ์นี้ทำให้ผมทนอยู่ไม่ไหว ไฟในหัวใจคนแก่ของผมคุโชนขึ้นมาอีกจนได้”

ตุลาคม 2516 

ความครุกรุ่นก่อตัวขึ้นอีกครั้งในเดือนตุลาคม เมื่อ ‘กลุ่มเรียกร้องรัฐธรรมนูญ’ รวมตัวแถลงข่าวที่บริเวณอนุสาวรีย์ทหารอาสา สนามหลวง โดยมีนายธีรยุทธ บุญมี เป็นผู้ประสานงาน แถลงเรียกร้องให้ 

1. เรียกร้องให้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญโดยเร็ว 

2. จัดหลักสูตรสอนอบรมรัฐธรรมนูญสำหรับประชาชน 

3. กระตุ้นประชาชนให้สำนึกและหวงแหนในสิทธิเสรีภาพของมนุษยชน โดยดำเนินงานอย่างเปิดเผย

หลังจากนั้นการเรียกร้องได้กระจายตัวเป็นไฟลามทุ่ง หลังจากที่กลุ่มเรียกร้องรัฐธรรมนูญโดนจับกุมจากการเดินแจกหนังสือ ใบปลิวเรียกร้องรัฐธรรมนูญ ในข้อหา ‘มั่วสุมชักชวนให้มีการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน’ และ ‘เป็นกบฏต่อราชอาณาจักรตามกฎหมายอาญา มาตรา 116’ ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยจึงออกแถลงการณ์คัดค้าน เริ่มชุมนุมภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่บริเวณลานโพธิ์โดยมีนักศึกษา นักเรียนพาณิชย์ อาชีวะ วิทยาลัยครูหลายแห่งเข้ามาร่วมชุมนุมนับหมื่น รวมถึงการชุมนุมที่ขยายไปหลายจังหวัด เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น อุบลราชธานี นครสวรรค์ มหาสารคาม สงขลา ปัตตานี ฯลฯ โดยส่วนมากจะเริ่มจากจังหวัดที่มีมหาวิทยาลัยตั้งอยู่และจังหวัดที่มีวิทยาลัยครู 

ที่มา: หนังสืออนุสรณ์สถาน 14 ตุลาคม 2516

การชุมนุมยืดเยื้อไปถึงวันที่ 14 ตุลาคม ประชาชนเคลื่อนขบวนออกจากธรรมศาสตร์และเกิดความโกลาหล ปะทะกันนำไปสู่การนองเลือด จนศูนย์กลางนิสิตฯ ออกแถลงการณ์สลายฝูงชนในวันที่ 15 ตุลาคม และสามทรราชย์ ‘สฤษดิ์-ถนอม-ประภาส’ เดินทางออกนอกประเทศ และมีนายสัญญา ธรรมศักดิ์  เป็นนายกฯ พระราชทานหลังจากนั้น

ซากกระทิงสู่เสือดำ ปัญหาอำนาจล้นฟ้าของอภิสิทธิ์ชน

หลังเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกในกรณีการล่าสัตว์ในทุ่งใหญ่นเรศวรฯ ปี 2516 รูปคดีอยู่ในกระบวนการศาลจนวันที่ 1 กันยายน 2517 ที่ศาลพิพากษาให้พรานแกละ หมื่นจำปา พรานที่เดินทางไปกับคณะ ถูกจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน แต่จำเลยที่เหลือนั้นถูกยกฟ้อง ไม่ได้รับโทษใด ๆ

เหตุการณ์ครั้งนี้ได้นำไปสู่การประกาศให้ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า นับแต่ 24 เมษายน 2517 เนื้อที่ทั้งหมด 2,000,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่อ.ทองผาภูมิ อ.สังขละบุรี ใน จ.กาญจนบุรี และ อ.อุ้มผาง จ.ตาก จนมาได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกภายหลัง ในปี พ.ศ. 2534 ร่วมกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง 

แม้การต่อสู้ของประชาชนในนามเหตุการณ์ 14 ตุลา จะเป็นที่รู้จักในฐานะการเรียกร้องรัฐธรรมนูญและขับไล่ ‘คณะสฤษดิ์-ถนอม-ประภาส’ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาใหญ่ในสังคมไทยที่มีมานานและยังคงมีให้เห็นมาจนถึงปัจจุบันคือเรื่องการกระทำของกลุ่มอภิสิทธิ์ชนในสังคมไทยที่ไม่เกรงกลัวกฎหมาย เฉกเช่นในกรณีล่าสัตว์ป่าที่มีการลักลอบเข้าไปกระทำผิดและกลับพ้นโทษในภายหลัง ปัญหาเหล่านี้กลายเป็นชนวนปลุกความไม่พอใจของผู้คนให้ออกมาต่อต้าน ขับไล่กลุ่มผู้มีอำนาจที่เป็นเหมือนภาพแทนของ “ความอยุติธรรม” ในสังคม

ตัดภาพกลับมาในปี 2561 หากหลายคนยังจำกันได้ สังคมไทยต้องพบเจอกับข่าวสะเทือนใจอย่าง คดีเสือดำ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ชุดเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรเข้าจับกุม นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวกอีก 4 คนขณะตั้งแคมป์พร้อมพบซากสัตว์ป่าคุ้มครองไก่ฟ้าหลังเทา อาวุธปืนที่ใช้ยิงสัตว์  และ ‘ซากเสือดำ’ อย่างน่าสะเทือนใจ โดยนายเปรมถูกพิพากษาให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปี 14 เดือน และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 2 ล้านบาท แต่เมื่อปลายปี 2566 ที่ผ่านมา ได้รับพิจารณาพักโทษ 51 วันจนครบกำหนดพักโทษเมื่อ 17 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา

คำถามที่ตามมาคือจากปี 2516 ถึง 2561 สังคมไทยได้เรียนรู้กับความสูญเสียเหล่านี้อย่างไรบ้าง?

ในข่าวร้ายยังคงมีความโชคดีที่เราได้เห็น ‘ความหวัง’ ในสังคมนี้ผ่านกระแสสังคมที่ออกมาแสดงความไม่พอใจต่อการกระทำของกลุ่มอภิสิทธิ์ชนทั้งในช่วงปี 2516 อันเป็นชนวนก่อตัวสู่การเคลื่อนไหว 14 ตุลา รวมถึงคดีเสือดำปี 2561 ที่ส่งผลให้คนออกมาประท้วงเรียกร้องให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา

แต่อีกหนึ่งคำถามที่ยังคงไม่ได้คำตอบคือ แล้วกระบวนการยุติธรรมในประเทศเรานั้นตรงไปตรงมาแค่ไหน? เสียงของคนในสังคมที่ส่งไปนั้นมีผลกับความยุติธรรมที่จะเกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด หรือมันเพียงพอไหมที่จะทำให้ซากกระทิงและซากเสือดำนี้กลายเป็น ‘กรณีสุดท้าย’ ที่จะเกิดขึ้น

อ้างอิง

http://14tula.com/document/2book14tula.pdf

https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_830577

https://www.voicetv.co.th/read/B1cq9sUIf?fbclid=IwAR2C0R7frDoclwF4H1RyVq4jyMvpwTDpogfwx_WASqgXoEsecQU826Pj1H0

https://www.facebook.com/Khonanurak/photos/a.178805445568535/455781897870887

https://www.thaipbs.or.th/news/content/279059

https://www.silpa-mag.com/history/article_40175

https://workpointtoday.com/14oct/

https://www.seub.or.th/bloging/into-the-wild/จากป่าทุ่งใหญ่ฯ-สู่ถนนร/

Credit

Environman

Environman คือหนึ่งในสื่อออนไลน์ที่นำเสนอปัญหาสิ่งแวดล้อม เป้าหมายคืออยากทำให้โลกใบนี้ดีขึ้น ไม่เฉพาะการเป็นสังคมออนไลน์ที่แข็งแกร่ง แต่หวังให้ความรู้นำไปสู่การลงมือทำเพื่อเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นได้จริง