จระเข้ แบรนด์วัสดุก่อสร้างไทยเจ้าเดียวที่ชูกาวซีเมนต์ลดฝุ่นฟุ้งกระจาย

ลดฝุ่นฟุ้งได้ ภายใต้แนวคิดการคำนึงถึงสุขภาพ-สิ่งแวดล้อม

หากใครเคยดูภาพยนตร์คลาสสิคตลอดกาลอย่าง Interstellar คงพอจะจำภาพราวฝันร้ายในหนังอย่าง “พายุฝุ่น” ที่โหมกระหน่ำทั่วโลกจนเป็นต้นตอหายนะของมนุษยชาติไปทั่วโลกชนิดที่ไม่มีใครหลีกหนีพ้นได้

เชื่อว่าตอนที่ทุกคนได้ดูภาพยนตร์นี้ก็คงจะคิดว่าเป็นภาพที่ดูเกินจริง ไกลตัว จนกระทั่งต้นปีที่ผ่านมา อย่างที่เราได้เห็นหายนะจากภัยฝุ่น PM 2.5 ที่รุนแรงจนท้องฟ้ามืดมัว  กระทั่งว่าคงไม่เกินจริงหากจะกล่าวว่า ภาพที่เราเห็นตรงหน้านี้มันช่างคล้ายกับฉากในเรื่อง Interstellar เหลือเกิน

ตัดมาที่โลกในปัจจุบัน ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่เวียนมาทุกปี แม้จะเป็นปัญหาเดิม แต่เพิ่มเติมคือความรุนแรงที่โหมมามากขึ้น ๆ และดูเหมือนจะใกล้ตัวพวกเราทุกคนมากไปทุกที

ในช่วงต้นปี 2568 กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่ามีจำนวนผู้ป่วยจากฝุ่น PM 2.5 ราว 144,000 ราย ซึ่งอาจนำไปสู่โรคที่เกี่ยวข้องจากการสัมผัสฝุ่นละอองอย่างกลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ กลุ่มโรคตาอักเสบ กลุ่มโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหืด และโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน 

โดยสาเหตุของการเกิดฝุ่น PM2.5 ในประเทศไทยเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ทั้งปัญหาการเผาป่า การปล่อยมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม ฝุ่นจากภาคคมนาคม ไปจนถึงการขยายตัวของงานก่อสร้าง 

‘อุตสาหกรรมการก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง’ หนึ่งในสาเหตุปัญหาฝุ่น PM 2.5 

ว่าด้วยเรื่องของอุตสาหกรรมการก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างในไทย จะหันซ้ายก็อาคาร จะหันขวาก็บ้านเรือน เรียกได้ว่าทุกพื้นที่ก็หนีเรื่องการการก่อร่างสร้างตึกไปไม่ได้ทั้งนั้น ซึ่งการจะทำให้พื้นที่แห่งการออกแบบเหล่านี้ออกมาดีที่สุดก็จำเป็นจะต้องเลือกทั้งดีไซน์ที่ชอบและผลิตภัณฑ์ที่ใช่ต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มความปลอดภัยต่อตัวผู้อยู่อาศัยเองนับตั้งแต่ขั้นตอนการก่อสร้าง

สำหรับในแวดวงธุรกิจก่อสร้างของไทย ‘จระเข้’ หรือ บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ถือเป็นแบรนด์วัสดุก่อสร้างโดยคนไทยลำดับต้น ๆ ที่เติบโตมาอย่างยาวนาน 33 ปี และยังคงเดินหน้าคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ช่วยตอบโจทย์การใช้งานอย่างสะดวกสบายตามยุคสมัยไปพร้อม ๆ กับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมภายใต้มาตรฐานระดับสากล

ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ว่านี้ ทางแบรนด์ได้มีการกำหนดเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อม 5 ประการ (5SD) ได้แก่ การลดการปล่อย CO2 ซึ่งลดได้แล้วกว่า 18 ล้านกิโลกรัมคาร์บอน, การลดปริมาณขยะและของเสียที่ลดไปได้แล้วกว่า 170,000 กิโลกรัม, การลดฝุ่นกว่า 4 ล้านกิโลกรัม, การเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมถึง 62% ของยอดขาย และการพัฒนาทักษะบุคลากรกว่า 20,000 คน

Dustless Technology นวัตกรรมลดฝุ่นที่จระเข้นำมาใช้เป็นเจ้าเดียวในไทย

หนึ่งในการขับเคลื่อนสำคัญเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของแบรนด์จระเข้ ได้แก่ การเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ในปัจจุบันเพิ่มได้แล้วถึง 62%

สินค้าล่าสุดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งแบรนด์จระเข้ได้เพิ่มเข้ามาล่าสุดคือการนำ Dustless Technology นวัตกรรมลดฝุ่นในกาวซีเมนต์ปูกระเบื้องเข้ามาใช้เป็นเจ้าเดียวในไทยเพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นในกระบวนการปูกระเบื้อง โดยมีการทดสอบแล้วว่า กาวซีเมนต์ปูกระเบื้องรุ่นที่มีเทคโนโลยีลดฝุ่นนี้มีการฟุ้งกระจายของฝุ่นน้อยกว่ากาวซีเมนต์รุ่นปกติถึง 80%

โดยมีการนำ Dustless Technology มาใช้ในกาวซีเมนต์ทั้งหมด 8 รุ่น ได้แก่ 

– กาวซีเมนต์ จระเข้เขียว รุ่นขายดีอันดับ 1 ขวัญใจช่างไทย 

– กาวซีเมนต์ จระเข้แดง สำหรับงานปูกระเบื้องสระว่ายน้ำ

– กาวซีเมนต์ จระเข้เงินและจระเข้ทอง สำหรับงานปูทับที่ช่วยประหยัดเวลาทำงาน ไม่ต้องรื้องานเก่า อีกทั้งช่วยลดฝุ่น PM2.5 จากการทุบกระเบื้องเก่าได้

– กาวซีเมนต์ จระเข้เอ็กซ์ตรีม สำหรับกระเบื้อง Big Slab

– กาวซีเมนต์ จระเข้สโตนเมท สำหรับงานปูหินอ่อนและหินธรรมชาติ

– กาวซีเมนต์ จระเข้เกรย์สโตนเมท สำหรับปูกระเบื้องและหินธรรมชาติสีเข้ม 

– กาวซีเมนต์ จระเข้เอ็กซ์เพรส งานเร่งด่วน ชูคุณสมบัติแห้งเร็ว 

ความยั่งยืน = เมื่อผู้ประกอบการหันมารับผิดชอบในสิ่งที่ทำ

การนำเอานวัตกรรม Dustless Technology นี้เข้ามาใช้ แม้จะเป็นเพียงในหนึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ แต่เรียกได้ว่าเป็นก้าวที่ไม่เล็กเลยทีเดียว เพราะได้รับความคุ้มค่ากลับมามหาศาล เมื่อประโยชน์นั้นไม่ได้ถูกส่งต่อแค่เพียงลูกค้า หรือคนวงแคบ ๆ หากแต่คือประโยชน์ต่อคนทำงานตั้งแต่พนักงานในไลน์ผลิตของจระเข้ ไปจนถึงผู้ใช้งาน อย่างช่าง เจ้าของบ้าน หรือคนในชุมชนที่อยู่ในพื้นใกล้เคียงกับพื้นที่ก่อสร้าง ไปจนถึงมิติด้านเศรษฐกิจที่จะลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นน้อยลงและลดการสูญเสียของผลิตภัณฑ์โดยไม่จำเป็น 

ท้ายที่สุด สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่องค์กรทั้งหลายต้องคำนึงถึงในโลกแห่งการจะมุ่งสู่เป้าหมาย ‘ความยั่งยืน’ ที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมนั้นคือการคำนึงถึงมิติผู้คนและสังคมไปพร้อม ๆ กันด้วย เหมือนอย่างเช่นที่ผลิตภัณฑ์ของจระเข้ให้ความสำคัญกับเรื่องของการลดผลกระทบด้านสุขภาพของผู้คนมากขึ้น และคำกล่าวหนึ่งของ ดร.จิรัฏฐ์ สิริเฉลิมพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่ย้ำว่า แม้เรื่องของการปรับผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมใหม่จะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น แต่ทางแบรนด์ก็จะไม่ขึ้นราคา ด้วยความตั้งใจที่อยากให้คนยังเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ในราคาเท่าเดิม แต่ได้เรื่องของความปลอดภัยต่อสุขภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มเข้าไป 

และการเริ่มต้นวันนี้ แม้จะยังไม่ได้ทำให้เรื่องปัญหาฝุ่นลดลงเดี๋ยวนี้ฉับพลันในวันเดียว แต่สิ่งสำคัญที่เราควรร่วมกันสนับสนุนคือการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในแต่ละแวดวงหันมาปรับตัว ปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ของตนเองเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งนี่คือหัวใจของ “ความยั่งยืน” ที่เริ่มจากการมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองทำให้ได้ อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในระยะยาว

Credit

Chayanit S.

เป็นคนกรุงเทพฯ ชอบเดินเที่ยวเมือง ฟังเพลงซ้ำ ๆ นั่งโง่ ๆ ดูคนคนใช้ชีวิต :-)