‘Climate Anxiety’ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสภาพอากาศ ท่ามกลางความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมที่สูงขึ้น นักวิทยาศาสตร์ก็พบว่าปัญหาดังกล่าวกำลังส่งผลต่อสภาพจิตใจทั้งความโศกเศร้า สิ้นหวัง หดหู่ และรู้สึกผิด หากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศกำลังทำให้คุณท้อแท้ นี่คือวิธีจัดการ
“โลกกำลังร้อนเกิน 1.5°C”, “เกิดปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่” หรือ “สัตว์ใกล้สูญพันธุ์” เรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมกำลังเพิ่มขึ้นทุก ๆ วัน จนทำให้เราหลายคนรู้สึก ‘เสียใจ’ กับเรื่องราวดังกล่าวจึงไม่น่าแปลกใจที่คำว่า ‘Climate Anxiety’ เริ่มเป็นที่แพร่หลายมากขึ้นเรื่อย ๆ
Climate Anxiety คืออะไร?
ตั้งแต่เริ่มมีการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมในช่วงทศวรรษ 1970 การเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศก็ได้กลายเป็นหัวข้อที่มีความสำคัญมากขึ้นสำหรับทั่วไป ทำให้นักวิทยาศาสตร์และนักจิตวิทยามีโอกาสได้ศึกษาผลกระทบของหัวข้อนี้ต่อความเป็นอยู่และสุขภาพจิตของผู้คน
โดยพวกเขาใช้คำนิยามนี้มากที่สุดก็คือ ‘ความกังวลต่อหายนะด้านสิ่งแวดล้อมเรื้อรัง’ ตามคำนิยามของสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน ขณะเดียวกันนักปรัชญาสิ่งแวดล้อมชาวออสเตรเลียอย่าง Glenn Albrecht เองก็ได้ให้คำจัดกัดความไปในทางเดียวกันว่า
“ความรู้สึกทั่วไปที่ว่ารากฐานทางนิเวศวิทยาของการดำรงอยู่กำลังพังทลาย” และ “ความกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราในการสนับสนุนสิ่งแวดล้อม”
กล่าวคือโดยทั่วไปแล้ว เป็นความทุกข์ใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อโลก ต่อประเทศ และต่อการดำรงอยู่ของมนุษย์ทั้งในระยะสั้นกับในระยะยาว ทั้งผลกระทบต่อคนรุ่นปัจจุบันและต่อคนรุ่นลูกหลาน ตามคำกล่าวของ Sarah Lowe นักจิตวิทยาคลินิกและรองศาสตราจารย์ในภาควิชาสังคมศาสตร์และพฤติกรรมศาสตร์ที่ Yale School of Public Health

Photo: Mika Baumeister/Unsplash
งานวิจัยเกี่ยวกับความวิตกกังวลด้านสภาพอากาศ
ในปี 2020 องค์กรไม่แสวงหากำไรด้านสิ่งแวดล้อม Friends of the Earth ระบุว่าคนหนุ่มสาวอายุ 18-24 ปีมากกว่า 2 ใน 3 ประสบกับความวิตกกังวลเกี่ยวกับสภาพอากาศ โดยให้เหตุผลไว้ว่า
“เนื่องจากเป็นกลุ่มคนที่มีแนวโน้มสูงสุดที่จะได้รับผลกระทบที่เลวร้ายลงจากความโกลาหลของสภาพอากาศ จึงไม่น่าแปลกใจที่คนหนุ่มสาวจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ มีความกังวลมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญกับการไม่มีการดำเนินใด ๆ ของรัฐบาล” Aaron Kiely นักรณรงค์ด้านสภาพอากาศของ Friends of the Earth กล่าว
ขณะเดียวกันในปี 2021 นักวิจัยกลุ่มหนึ่งก็ได้ขยายขอบเขตของการศึกษาเพื่อทำความเข้าใจถึงระดับความวิตกกังวลเกี่ยวกับความวิตกกังวลของคนหนุ่มสาวกว่า 10,000 คนใน 10 ประเทศ ซึ่งได้ผลลัพธ์ว่าผู้เข้าร่วมงานวิจัยจากทุกประเทศมีความกังวล
โดย 59% กังวลมากหรือมากที่สุด และ 84% กังวลอย่างน้อยปานกลาง
ดังนั้นจึงค่อนข้างชัดเจนว่าคนรุ่นใหม่กำลังประสบกับความวิตกกังวลเกี่ยวกับสภาพอากาศ และในความเป็นจริงแล้ว
ผู้เข้าร่วมมากกว่า 50% ต่างก็รายงานถึงอารมณ์ที่แตกต่างกันไปแต่เป็นไปในทางลบคือ เศร้า วิตกกังวล โกรธ ไร้พลัง ไร้หนทาง และรู้สึกผิด กับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ

Photo: Envionman/FB
แล้วเราจะรับมือกับความวิตกกังวลในการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอย่างไร?
แม้ว่าข่าวสารและการพูดคุยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศส่วนใหญ่จะดูน่าตกใจ แต่ในหมู่ข่าวร้ายเหล่านั้นก็ยังมีข่าวดีที่น่าชื่นใจสอดแทรกขึ้นมาบ้าง ทั้งการค้นพบใหม่เกี่ยวกับวาฬ หรือแม้แต่เรื่องน่ารัก ๆ อย่างน้องหมาน้องแมวทั่วโลก
ดังนั้นหากคุณรู้สึกเศร้ากับสิ่งที่เกิดขึ้น บางทีอาจลองหาคลิปหมาแมวน่ารัก ๆ มาดูให้ผ่อนคลาย หรือหากไม่ได้ผล ผู้เชี่ยวชาญมักจะแนะนำไปออกไปเดินเล่น ออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ คุยกับเพื่อน ๆ และทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่น่าสนุกเพื่อเพิ่มพลังบวกให้กับจิตใจ

“แต่การดำเนินการเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเป็นหนึ่งในวิธีที่ทรงพลังที่สุดในการต่อสู่กับความสิ้นหวังและความรู้สึกไร้ทางเลือก ดังนั้นจงลงมือทำบางอย่าง ไม่ใช่ในฐานะปักเจกบุคคล แต่ในฐานะส่วนหนึ่งของกลุ่ม” Anthony Leiserowitz เป็นผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการโครงการ Yale Program on Climate Change Communication และนักวิจัยอาวุโสที่ Yale School of the Environment Leiserowitz กล่าว
การแยกขยะ ลดใช้พลาสติก เลือกซื้อของที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และกิจกรรมรักษ์โลกอื่น ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ ต่างเป็นสิ่งที่สำคัญและเชื่อเถอะว่ามีผู้คนอีกนับล้านคนที่ทำสิ่งคล้าย ๆ กันเพื่อโลกของเรา และเราได้รับสิทธิพิเศษในการแบ่งปันเรื่องราวเพื่อสร้างความหัวงและเป็นแรงบันดาลใจให้คนอีกหลายคนหันกลับมารักษ์โลกเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ยอดเยี่ยมในการจัดการกับความวิตกกังวลด้านสภาพอากาศ
ที่มา
https://www.nrdc.org/…/its-time-talk-about-climate-anxiety
https://www.health.harvard.edu/…/is-climate-change…