เกเลพู : ‘เมืองแห่งสติ’ ของภูฏานและอนาคตของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ

เมืองแห่งการฝึกสติแห่งใหม่ของภูฏาน ที่จะเปลี่ยนแปลงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศด้วยการผสมผสานความยั่งยืนเข้ากับการฝึกสติ สะท้อนให้เห็นการท่องเที่ยวของภูฏานที่หยั่งรากลึกในความเป็นอยู่ที่ดีท่ามกลางแวดล้อมธรรมชาติ

ภูฏาน ราชอาณาจักรที่ซ่อนตัวอยู่ในเทือกเขาหิมาลัย เป็นสถานที่จุดหมายปลายทางของนักเดินทางที่แสวงหาการหนีจากความเร่งรีบของโลกยุคใหม่มาโดยตลอด ภูฏานซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าและบรรยากาศทางจิตวิญญาณอันลึกซึ้ง ได้เริ่มต้นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเมื่อหลายทศวรรษก่อน โดยเชิญชวนให้คนทั่วโลกมาสำรวจภูมิประเทศอันบริสุทธิ์พร้อมเน้นย้ำถึงความเคารพต่อธรรมชาติและความยั่งยืน

ในปี 2024 ภูฏานจะเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยเฉลิมฉลองการเดินทางอย่างยั่งยืนเป็นเวลา 5 ทศวรรษที่ยังคงยึดมั่นในอุดมคติของตน นั่นคือ การท่องเที่ยวในปริมาณน้อยแต่คุณภาพสูง ความสำเร็จครั้งสำคัญนี้มาพร้อมกับการพัฒนาใหม่ที่น่าตื่นเต้น นั่นคือ เกเลพู เมืองที่พร้อมกำหนดอนาคตของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศใหม่

ครึ่งศตวรรษแห่งการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน: ความสำเร็จของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศของภูฏาน

ตั้งแต่เปิดพรมแดนให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในปี 1974 ภูฏานได้ใช้แนวทางที่ไม่เหมือนใครซึ่งแตกต่างจากกลยุทธ์การท่องเที่ยวแบบกลุ่มของหลายประเทศ ในที่แห่งนี้ การท่องเที่ยวไม่ได้เป็นเพียงการส่งเสริมจุดหมายปลายทางเท่านั้น แต่ยังเป็นการบ่มเพาะประสบการณ์ที่ผสมผสานการผจญภัย จิตวิญญาณ และการอนุรักษ์ รัฐบาลภูฏานใช้หลักการ High Value, Low Impact หรือ มูลค่าสูง ผลกระทบต่ำ เพื่อให้แน่ใจว่าประเทศจะรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ความสมบูรณ์ของสิ่งแวดล้อม และความสามัคคีทางสังคมไว้ได้อย่างยั่งยืน

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ความพยายามด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศของภูฏานได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ผู้เดินทางที่ต้องการมากกว่าแค่การพักผ่อน นักท่องเที่ยวมาที่นี่เพื่อเดินป่าผ่านหุบเขาห่างไกล ชมเทศกาลศักดิ์สิทธิ์ หรือทำสมาธิในวัดโบราณ สถานที่ยอดนิยม เช่น ปาโรทักซัง หรือที่รู้จักกันในชื่อวัดรังเสือ และทิมพู เมืองหลวงที่พลุกพล่าน มอบทิวทัศน์ธรรมชาติอันน่าทึ่งที่ผสมผสานกับความรู้สึกทางจิตวิญญาณอันลึกซึ้ง เป็นเวลากว่า 50 ปีแล้วที่ภูฏานเจริญรุ่งเรืองจากปัจจัยเหล่านี้ โดยดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ไม่ใช่ด้วยความหรูหราหรือความฟุ่มเฟือย แต่ด้วยความสงบสุข ความแท้จริง และความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดของประเทศ ซึ่งมีรากฐานมาจากปรัชญาหลักของประเทศคือ ความสุขมวลรวมประชาชาติ (GNH) มีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุลนี้ แบบจำลองการท่องเที่ยวของภูฏานแสดงให้เห็นว่าประเทศสามารถได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจในขณะที่ยังคงรักษามรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมไว้ได้ ปรัชญานี้เองที่ทำให้ภูฏานยังคงเป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำสำหรับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่มีหัวใจหลักคือความยั่งยืน

เกเลพู : เมืองแห่งสติที่กำลังเติบโต

ในขณะที่ภูฏานกำลังเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของการท่องเที่ยว ราชอาณาจักรได้เริ่มต้นหนึ่งในโครงการที่ทะเยอทะยานที่สุด นั่นคือการสร้างเกเลพู เมืองที่อุทิศตนเพื่อการมีสติและการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน เกเลพูเป็นตัวแทนของอนาคตของการท่องเที่ยวภูฏาน เมืองที่ออกแบบมาเพื่อเป็นที่พักผ่อนสำหรับผู้ที่แสวงหาสิ่งที่มากกว่าแค่การพักผ่อนแบบธรรมดา เป็นสถานที่ที่ผู้มาเยือนสามารถผ่อนคลาย หายใจ และไตร่ตรอง

เกเลพูซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของภูฏานได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงสติเป็นสำคัญ แผนหลักของเมืองครอบคลุมทุกอย่างตั้งแต่ศูนย์สุขภาพและสถานที่ทำสมาธิไปจนถึงธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเกษตรกรรมที่ยั่งยืน วิสัยทัศน์คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ผู้มาเยือนสามารถมีส่วนร่วมในการปฏิบัติธรรมในขณะที่ดื่มด่ำกับธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของภูฏาน ลองนึกภาพเมืองที่คุณสามารถเดินเล่นผ่านพื้นที่เกษตรกรรมที่ได้รับการคุ้มครองอันกว้างใหญ่ ทำสมาธิริมแม่น้ำที่เงียบสงบ และเชื่อมต่อกับโลกธรรมชาติอีกครั้งในแบบที่เมืองสมัยใหม่ไม่สามารถทำได้ Gelephu พร้อมที่จะกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้ที่แสวงหาความสงบภายในและการเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับสิ่งแวดล้อม

ใน Gelephu การผสมผสานระหว่างประเพณีและความทันสมัยเข้าด้วยกัน โดยที่สถาปัตยกรรมแบบภูฏานผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีที่ยั่งยืนได้อย่างลงตัว โครงสร้างพื้นฐานของเมืองให้ความสำคัญกับพลังงานหมุนเวียน การอนุรักษ์น้ำ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด นับเป็นพิมพ์เขียวสำหรับเมืองในอนาคตทั่วโลก โดยเน้นย้ำว่าการพัฒนาเมืองสามารถเกิดขึ้นได้อย่างไรโดยไม่กระทบต่อความสมบูรณ์ของธรรมชาติ แก่นแท้ของทั้งหมดนี้คือการมุ่งมั่นที่จะมีสติสัมปชัญญะ ไม่ใช่แค่การปฏิบัติทางจิตวิญญาณเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีการใช้ชีวิตและการมีปฏิสัมพันธ์กับโลกอีกด้วย

วิสัยทัศน์สำหรับอนาคตของการท่องเที่ยวภูฏาน

เกเลฟูไม่ได้เป็นเพียงเมืองเท่านั้น แต่ยังเป็นวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ของภูฏานสำหรับการท่องเที่ยวในอีก 50 ปีข้างหน้าอีกด้วย ในขณะที่โลกกำลังมุ่งหน้าสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนมากขึ้น เกเลฟูจะเป็นเครื่องพิสูจน์แนวทางการมองการณ์ไกลของภูฏาน ซึ่งตอกย้ำแนวคิดที่ว่าการท่องเที่ยวควรเป็นมากกว่าการเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยว แต่ควรเป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตที่ทำให้ทั้งนักเดินทางและจุดหมายปลายทางดีขึ้นกว่าเดิม

ในขณะที่ภูฏานก้าวเข้าสู่อนาคต อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะยังคงเป็นแบบอย่างให้กับประเทศอื่นๆ ต่อไป ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการพัฒนาที่ใส่ใจ การอนุรักษ์วัฒนธรรม และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินไปพร้อมๆ กันได้อย่างไร เกเลฟูจะมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้โดยมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ยั่งยืน และสงบสุขอย่างล้ำลึกให้กับนักเดินทาง

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเดินทางตัวยงหรือผู้ที่กำลังมองหาการหลีกหนีจากความวุ่นวาย ภูฏานก็พร้อมให้มุมมองว่าอนาคตของการเดินทางจะเป็นอย่างไร ผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างการผจญภัย ความยั่งยืน และความมีสติ และเมื่อเกเลฟูใกล้เข้ามา เรื่องราวของราชอาณาจักรก็เพิ่งเริ่มต้นขึ้น

ในโลกที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา ภูฏานเตือนให้เราชะลอความเร็ว หายใจ และชื่นชมความงามรอบตัวเรา ซึ่งเกเลฟูจะเป็นตัวแทนในทุกแง่มุมในไม่ช้า

การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ: สิ่งจำเป็นในยุคสมัยของเรา

ในยุคสมัยที่ผู้คนตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การท่องเที่ยวเชิงนิเวศได้พัฒนาอย่างรวดเร็วจากตลาดเฉพาะกลุ่มไปสู่เสาหลักของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับโลก สำหรับนักเดินทางในปัจจุบัน ความสำคัญของความยั่งยืน การอนุรักษ์ และการใช้ชีวิตอย่างมีสติเป็นเรื่องเร่งด่วนมากกว่าที่เคย การท่องเที่ยวเชิงนิเวศเป็นทางเลือกแทนการท่องเที่ยวแบบกลุ่ม โดยมอบประสบการณ์ที่ช่วยให้ผู้คนได้เชื่อมโยงกับธรรมชาติโดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย นี่ไม่เพียงแต่เป็นการตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมในยุคสมัยของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีการอนุรักษ์ความงามตามธรรมชาติและมรดกทางวัฒนธรรมของจุดหมายปลายทางอย่างภูฏานสำหรับคนรุ่นต่อไปอีกด้วย

สำหรับภูฏาน การท่องเที่ยวเชิงนิเวศเป็นการขยายแนวคิดของปรัชญาแห่งชาติเกี่ยวกับความสุขมวลรวมประชาชาติโดยธรรมชาติ ในขณะที่นักเดินทางแสวงหาจุดหมายปลายทางที่ให้ความสำคัญกับความแท้จริง ชุมชน และธรรมชาติ แนวทางของภูฏานได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าการท่องเที่ยวสามารถเป็นพลังแห่งความดีได้ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศไม่เพียงช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังสร้างโอกาสให้กับชุมชนท้องถิ่นอีกด้วย โดยรับรองว่าชุมชนท้องถิ่นจะได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนที่มีอยู่

ในยุคสมัยใหม่ที่การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศครอบงำการอภิปรายทั่วโลก การท่องเที่ยวเชิงนิเวศเป็นหนทางสู่อนาคต โดยให้ผู้คนมีโอกาสสัมผัสกับความสวยงามของโลกพร้อมทั้งมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์โลกอย่างแข็งขัน ในขณะที่ภูฏานเป็นผู้นำในการดำเนินโครงการต่างๆ เช่น เกเลพู อนาคตของการท่องเที่ยวดูใส่ใจมากขึ้น และเหนือสิ่งอื่นใดคือมีความยั่งยืนมากขึ้น

Credit

eci

one of the human behind environman

Related posts

การซื้อของชุมชนท้องถิ่น ของใกล้ตัวที่เรามองข้าม อาจช่วยโลกได้มากกว่าที่คิด

ยิ่งซื้อของในชุมชนท้องถิ่น ยิ่งมีส่วนในการลดมลพิษที่เกิดจากการขนส่ง ช่วยโลกทางอ้อม และยังสามารถพัฒนาชุมชนได้ในทางตรงด้วย

โลกได้รับผลกระทบอะไร เมื่อ ‘เอลนีโญ’ สิ้นสุดแล้ว ‘ลานีญา’ กำลังเข้ามา

ลานีญากำลังมา ในขณะที่มนุษย์โลกก็ยังคงปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โลกจึงไม่ได้หยุดพัก แต่มันจะรุนแรงขนาดไหน?

ยิ่งเปิดแอร์ โลกยิ่งร้อน จริงหรือไม่ ?

เมื่ออากาศร้อน ทำให้เราต้องหนีไปพึ่งความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ

คุณกำลังรักความเป็นระเบียบหรืออยู่ในวังวน Perfectionism เกิดเหตุรึเปล่า? 

พฤติกรรมที่คอยกวนใจ ผลาญพลังงานเราไปเท่าไหร่กับคำว่า ต้องเป๊ะ ต้องปัง