สโลว์ไลฟ์ : ให้ธรรมชาติช่วยให้ชีวิตคุณช้าลง

ท่ามกลางวิถีชีวิตที่เร่งรีบ พื้นที่สีเขียวจะช่วยให้คุณมีเวลาที่สมดุลมากขึ้น

เราทุกคนคงเคยรู้สึกว่าเวลาแต่ละวันนั้นมีไม่พอ โดยเฉพาะวัยทำงานในเมืองใหญ่ต่าง ๆ เราใช้ชีวิตกันอย่างเร่งรีบเพื่อไม่ให้ไปเข้างานสายและเพื่อให้ทุกอย่างลงตัวเท่าที่จะทำได้ แต่เมื่อเราออกไปนอกเมืองในวันหยุดยาว ทันใดนั้นทุกอย่างก็ดูช้าลง ผ่อนคลายมากขึ้น ราวกับว่าเวลาเดินช้าลง 

เราไม่ได้รู้สึกไปเอง งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เมื่อต้นเดือนมีนาคม 2024 ได้แสดงให้เห็นว่าธรรมชาติเปลี่ยนแปลงการรับรู้ของสมองและทำให้เรา ช้าลง ด้วยความผ่อนคลาย

“การใช้ชีวิตในเมืองและทุกอย่างทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง (กับเมือง) ทำให้เกิดความเครียดและมีผลต่อกระบวนการรับรู้เวลาของเรา ในทางตรงกันข้าม ธรรมชาตินั้นเป็นที่รู้กันดีว่ามีผลช่วยฟื้นฟูมนุษย์และอาจช่วยให้เราฟื้นคืนความรู้สึกที่สมดุลมากขึ้น” Dr. Ricardo Correia ผู้ช่วยศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย Turku ประเทศฟินแลนด์ กล่าว

Dr. Ricardo Correia ได้ตรวจสอบการศึกษาจำนวนมากที่เปรียบเทียบประสบการณ์ของผู้คนในการทำงานของสภาพแวดล้อมที่เป็นเมืองและธรรมชาติ งานวิจัยได้แสดงแนวโน้มให้เห็นอย่างสม่ำเสมอถึงคนที่รายงานว่าตัวเองได้อยู่กับธรรมชาตินั้น รู้สึกว่ามีเวลาในแต่ละวันมากขึ้น เมื่อเทียบกับสภาพแวดล้อมในเมือง

ประสบการณ์ทางจิตวิทยาด้านธรรมชาตินี้ทำให้คนที่เข้าร่วมการสำรวจระบุว่าพวกเขาเร่งรีบน้อยลง และรู้สึกว่าเวลาเดินทางช้าลงกว่าความเป็นจริง รายงานยังระบุอีกว่าพื้นที่สีเขียวในเมืองก็ทำให้เกิดความรู้สึกที่คล้ายกันได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นความรู้นี้สามารถสร้างประโยชน์ในการพัฒนาเมืองได้

“เมื่อนำมารวมกัน หลักฐานที่มีอยู่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ประสบการณ์ธรรมชาติมีบทบาทสำคัญในการควบคุมและรักษาความรู้สึกที่ดีต่อสุขภาพของเรา และผมคิดว่าผลกระทบของธรรมชาติที่มีต่อความเป็นของมนุษย์ ควรจะได้รับการทำให้ดีขึ้น” Dr. Ricardo Correia กล่าว

Ruth Ogden ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาเวลา จากมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูลจอห์นมูรส์ และ Jessica Thompson นักวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมและความเป็นที่ดีของมหาวิทยาลัยซาลฟอร์ด กล่าวเสริมในบทความบนเว็บไซต์ The Conversation ว่าสิ่งนี้มีผลไปทั้งในอดีตและอนาคตด้วยเช่นกัน

“ไม่ใช่แค่ความรู้สึกของเราในช่วงเวลานั้นที่ดูเหมือนจะถูกเปลี่ยนแปลงโดยธรรมชาติ แต่ยังรวมถึงความรู้สึกของเราในอดีตและอนาคตด้วย” ทั้งคู่ กล่าว “การวิจัยก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าการใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ ช่วยให้เราเปลี่ยนความสนใจจากช่วยเวลาปัจจุบันไปสู่ความต้องการในอนาคตได้” 

ดังนั้นแทนที่จะจมอยู่กับความเครียดของปัจจุบันและพยายามเร่งทำทุกอย่างให้ลงตัว แต่ธรรมชาติได้ช่วยให้เราผ่อนคลายและคิดถึงเรื่องในอนาคตต่าง ๆ ไปอย่างช้า ๆ 

ปัจจุบันเป็นที่รู้กันดีว่าการใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติเช่น ชายหาด สวนสาธารณธะ และป่าไม้นั้นมีประโยชน์มากมายต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ ช่วยให้ความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าลดลง มีการนอนหลับที่ดีขึ้น เสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจน้อยลง และมีระดับความเครียดลดลง 

ท่ามกลางชีวิตในเมืองที่วุ่นวาย การพักผ่อนในพื้นที่สีเขียวบ้างจะช่วยให้ชีวิตของเราสมดุลขึ้น

“การพัฒนาความเข้าใจที่ดีขึ้นในแง่มุมเหล่านี้ สามารถให้ข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้เราออกแบบเมืองและสวนสาธารณะของเรา เพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีร่วมกัน (ระหว่างธรรมชาติและมนุษย์)” Dr. Ricardo Correia กล่าว

แหล่งที่มา :

Credit

Related posts

การซื้อของชุมชนท้องถิ่น ของใกล้ตัวที่เรามองข้าม อาจช่วยโลกได้มากกว่าที่คิด

ยิ่งซื้อของในชุมชนท้องถิ่น ยิ่งมีส่วนในการลดมลพิษที่เกิดจากการขนส่ง ช่วยโลกทางอ้อม และยังสามารถพัฒนาชุมชนได้ในทางตรงด้วย

เหนื่อยนัก ให้ธรรมชาติฮีลใจ

ธรรมชาติไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย แต่เป็นวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว

ปลูกต้นไม้ช่วยโลก? เพราะแค่ความตั้งใจดีอาจไม่เพียงพอ

ปลูกต้นไม้ไม่ได้ช่วยโลกเสมอไป แม้จะมีตั้งใจดี แต่อาจสร้างผลเสียกับป่า

สิ่งแวดล้อมกับ “เห็ดเผาะ” ที่ไม่ได้เกิดแค่ในป่า : บริโภคเห็ดเผาะอย่างไรให้ยั่งยืนทั้งป่าและคน

“เผาป่าหาเห็ด” คงไม่ใช่ความเชื่อที่ถูกต้อง เพราะเจตนาของคนที่เข้าไปหาเห็ดไม่ใช่การตั้งใจเผาป่า แต่คือการเผาใบไม้เพื่อช่วยให้มองเห็นเห็ดได้ง่ายขึ้น ทว่า การเผาเพียงเล็กน้อยทำให้บานปลายกลายเป็นไฟไหม้ป่าได้