4 ความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับหมาป่าที่เราอาจยังไม่รู้ - EnvironmanEnvironman

4 ความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับหมาป่าที่เราอาจยังไม่รู้

เมื่อภาพจำของหมาป่าในวัยเด็กอาจทำให้เผลอเชื่อเรื่องเล่าว่าเป็นความจริงไปโดยไม่รู้ตัว

เรามีภาพจำของ ‘หมาป่า’ ยังไงกัน…

สุนัขตัวใหญ่ที่โก่งคอหอนเสียงดังกังวานใต้เงาของแสงจันทร์? หรือแววตาแน่วแน่ดุร้ายที่จ้องมองมาจากความมืด? บ้างก็บอกว่ามันอยู่กันเป็นฝูง บ้างก็เป็นหมาป่าเดียวดาย บ้างก็บอกว่ามันชอบทำร้ายคน บ้างก็บอกว่ามันล่าเหยื่อเพียงเพื่อความสนุก

ภาพจำพวกนี้มาจากไหน?

วรรณกรรมและสื่อเป็นส่วนสำคัญที่หล่อหลอมให้เรามีความเข้าใจและจดจำภาพของหมาป่าแบบนี้ เราเห็นหมาป่าที่เขมือบคุณยายและยังวางแผนจะจับเด็กมากินในหนูน้อยหมวกแดง เราดูการ์ตูนและภาพยนตร์ที่มักจะมอบบทตัวร้ายให้มัน เราได้ยินคนพูดเรื่องระบบการปกครองแบบแก๊งมาเฟียในฝูงที่ผู้แข็งแกร่งที่สุดคือผู้ชี้ความอยู่รอดของสมาชิกที่เหลือ แต่วรรณกรรมและตำนานความเชื่อเหล่านี้ดูจะวาดให้หมาป่ากลายเป็นตัวร้ายเกินความเป็นจริงจนกลายเป็นเหยื่อซะเอง

แล้วเรารู้เกี่ยวกับหมาป่าแค่ไหน?

หมาป่าเป็นสัตว์ที่ฉลาดและซับซ้อนกว่าที่เราคิด แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ค้นพบข้อมูลใหม่ ๆ เกี่ยวกับมันทุกปีและข้อมูลหลายชิ้นก็ทำให้เห็นว่าที่ผ่านมาเราอาจจะเข้าใจมันผิดไป โดยเฉพาะเรื่องระบบการปกครองในฝูงหมาป่า ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนแพร่หลายที่สุด เนื่องในวันหมาป่าโลกนี้ เราเลยอยากชวนมาเคลียร์ความเชื่อผิด ๆ ที่เราอาจได้ยินกันมาเกี่ยวกับหมาป่า

photo: Eva Blue/Unsplash

ความเชื่อที่ 1 :  หมาป่าหอนในคืนพระจันทร์เต็มดวง เพราะเป็นการแสดงปฏิกิริยากับแสงของพระจันทร์

ความเป็นจริง :

พูดถึงหมาป่า ก็ต้องนึกถึงภาพที่มันหอนในคืนที่พระจันทร์เต็มดวง ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่าที่หมาป่าชอบหอนในคืนแบบนี้เพราะเป็นการแสดงปฏิกิริยาอะไรกับแสงของพระจันทร์หรือเปล่า

แต่ที่จริงแล้ว การหอน เป็นการสื่อสารแบบหนึ่งระหว่างหมาป่าในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งไม่ได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับพระจันทร์แต่อย่างใด 

การสื่อสารที่ว่านี้อาจเป็นการบอกถึงตำแหน่งที่อยู่ สร้างอาณาเขตสำหรับล่าเหยื่อ แสดงความรักใคร่กับคู่ของมัน หรืออาจเป็นการปลดปล่อยความเครียดก็ได้ ซึ่งหมาป่าแต่ละตัวก็มีเสียงหอนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของใครของมัน และอาจดังมาก จนถึงขั้นที่หมาป่าที่อยู่ไกลกว่า 6-7 ไมล์ ก็ยังได้ยิน

ส่วนสาเหตุที่มนุษย์โยงเสียงหอนของหมาป่ากับพระจันทร์ อาจเป็นเพราะว่าเสียงหอนของมันเมื่อประกอบกับความมืดของราตรีกาลแล้ว ช่วยเพิ่มความน่าขนลุกและความน่ายำเกรงต่อตัวของหมาป่าได้เป็นอย่างดี คนเลยเอามันมาผูกกับภาพของพระจันทร์ที่เป็นสัญลักษณ์ของเวลากลางคืนเพื่อทำให้เรื่องเล่าเป็นที่น่าจดจำและน่าตื่นเต้นมากขึ้น

photo: Mohamed Hassan/Pxhere

ความเชื่อที่ 2 : สังคมหมาป่าจะมีลำดับชั้น และมีตัวจ่าฝูงที่มีอำนาจ เรียกว่า Alpha Wolf

เราเคยได้ยินว่าหมาป่าอยู่กันแบบจ่าฝูงลูกน้อง ตัวที่เป็น ‘อัลฟ่า’ จะทำหน้าที่เป็นผู้นำ มีความแข็งแกร่งมากกว่าตัวไหน สามารถใช้อำนาจในการควบคุมสมาชิกในฝูง ชี้เป็นชี้ตาย สามารถขับไล่หรือให้ที่อยู่หมาป่าตัวอื่น ๆ ได้ เป็นตำแหน่งสูงสุดที่หมาป่าทุกตัวต่างแข่งขันเพื่อจะแย่งชิงมาเป็นของตัวเองให้ได้ ส่วนชนชั้นอื่น ๆ อย่าง ‘เบต้า’ ที่เป็นรองจ่าฝูง และ ‘เดลต้า’ หรือ ‘โอเมก้า’ ที่ระดับต่ำลงมา ก็จะมีความแข็งแกร่งน้อยลงมาตามลำดับ

ความเป็นจริง : 

ข้อมูลเรื่องระบบอำนาจในฝูงหมาป่านั้นก็ไม่ได้ผิดซะทีเดียว แต่ต้องเรียกว่า ล้าหลัง มากกว่า คอนเซ็ปต์เรื่องหมาป่าอัลฟ่านั้นเชื่อว่าได้รับอิทธิพลมาจากหนังสือเรื่อง “The Wolf: Ecology and Behavior of an Endangered Species” ของ David Mech ในปี 1970 จากการศึกษาระบบสังคมของหมาป่าใน Michigan’s Isle Royale National Park แต่ต่อมา หลังจากที่เขาและนักวิทยาศาสตร์คนอื่น ๆ ได้ศึกษาพฤติกรรมของหมาป่าต่อไปเรื่อย ๆ ก็พบว่าแท้จริงแล้วหมาป่านั้นไม่ได้มีชนชั้นวรรณะแต่อย่างใด ฝูงที่ว่าจริง ๆ แล้วก็คือครอบครัว อันประกอบด้วยพ่อแม่และลูก ดังนั้นหมาป่าอัลฟ่าของแต่ละฝูงแท้จริงแล้วก็คือ พ่อกับแม่ นั่นเอง ส่วนพวกที่เหลือก็คือลูก ๆ ของมัน และการที่พวกอัลฟ่าใช้อำนาจกับพวกที่อ่อนแอกว่าก็เป็นเพียงแค่การใช้อำนาจของพ่อแม่กับลูกก็เท่านั้นเอง

photo: M L/Unsplash

ความเชื่อที่ 3 : หมาป่าเดียวดาย หรือ ‘Lone Wolf’ คือหมาป่าที่เลือกออกมาอยู่ตามลำพังเพราะรักสันโดษ หรือถนัดหาอาหารตัวคนเดียวมากกว่าอยู่ในฝูง

ความเป็นจริง : 

การแยกออกมาใช้ชีวิตคนเดียวแบบ ‘Lone Wolf’ นี้เป็นช่วงชีวิตหนึ่งของหมาป่าทุกตัว ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เรียกระยะนี้ว่า Dispersal (การแยกตัวจากฝูง) โดยมีสาเหตุหลัก ๆ คือเพื่อมองหาคู่ผสมพันธุ์และสร้างครอบครัว นอกจากนั้นยังเป็นการมองหาแหล่งอาหารและที่อยู่ใหม่เพื่อจะได้ไม่ต้องแย่งอาหารกับหมาป่าตัวอื่น ๆ ในกลุ่ม ซึ่งในบางเคส การแยกตัวออกมานี้ยังอาจมาจากการถูกหมาป่ากลุ่มอื่นแย่งที่อยู่หรือคู่ของมันตายได้อีกด้วย 

จริง ๆ แล้วสำหรับหมาป่าเอง การออกจากฝูงมาอยู่ตัวคนเดียวไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ เพราะนั่นหมายถึงอัตราการรอดชีวิตที่ต่ำลงไปด้วย ปกติแล้วพวกมันจะไปไหนมาไหนกันเป็นกลุ่มทำให้สามารถต่อกรกับศัตรูหรือหาอาหารได้ง่ายและปลอดภัยมากกว่า แต่เมื่อต้องเดินทางคนเดียว ทำให้หมาป่าตัวนั้นต้องระแวงอันตรายมากขึ้น ซึ่งจากเท่าที่มีการศึกษามา พบว่าอัตราการรอดของหมาป่าในช่วงแยกตัวนี้มีค่อนข้างน้อย ดังนั้นแล้ว ถึงแม้ในสังคมมุษย์ คำว่า หมาป่าเดียวดาย อาจใช้เรียกคนที่ชอบรักชีวิตสันโดษ แต่สำหรับหมาป่าแล้ว มันอาจหมายถึงช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดของชีวิต

photo: Ray Hennessy/Unsplash

ความเชื่อที่ 4 : หมาป่าชอบทำร้ายคน เราอาจถูกปลูกฝังมาว่าหมาป่านั้นดุร้ายและเป็นอันตรายต่อมนุษย์ ไม่ว่าจะเขี้ยวเล็บหรือขนาดตัวที่สูงใหญ่ หากเผชิญหน้ากับมันแล้ว คงยากที่จะรอดพ้นจากการตกเป็นอาหารของมัน 

ความเป็นจริง :

แน่นอนว่าหากคนต้องสู้กับหมาป่าโดยไร้ซึ่งอาวุธแล้ว หมาป่าอาจเป็นสัตว์ที่อันตรายมากอย่างแน่นอนจากความได้เปรียบเรื่องขนาดรูปร่างและสมรรถภาพร่างกาย แต่การกล่าวว่าหมาป่านั้นชอบโจมตีคนอาจเป็นเรื่องที่พูดเกินจริงไปหน่อย เพราะจริง ๆ แล้วหมาป่าที่อยู่ในป่าจริง ๆ เป็นสัตว์ที่กลัวคน และหากต้องเผชิญหน้ากันแล้ว มันคงเลือกที่จะหนีเป็นอย่างแรก นอกเสียจากว่ามนุษย์จะเข้าไปใกล้หมาป่าที่เป็นพิษสุนัขบ้า แสดงพฤติกรรมที่คล้ายกับเป็นเหยื่อล่อ หรือทำให้หมาป่าตกใจ

ซึ่งในกรณีนี้ หมาป่าอาจทำตามสัญชาตญาณในการไล่เหยื่อตามที่มันคุ้นเคย แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่มีเคสไหนที่หมาป่าทำร้ายคนจนเป็นอันตรายถึงชีวิต จะมีที่โดนทำร้ายจนตายในช่วง 100 ปีที่ผ่านมานี้ก็เพียงแค่ 2 คนเท่านั้น ซึ่งทั้งสองเคสล้วนเป็นสถานการณ์ที่มนุษย์อยู่ตามลำพังกับหมาป่าที่คุ้นชินกับคนอยู่แล้ว ส่วนข่าวคนโดนหมาป่ากัดที่เราอาจเคยเห็นหรือได้ยินมักจะมีสาเหตุมาจากการที่มนุษย์ละเมิดกฎเข้าไปโดยพลกาลในพื้นที่อุทยานที่สงวนไว้สำหรับสัตว์ป่าเท่านั้น แต่โดยทั่วไปแล้ว คนเหล่านั้นก็ไม่ได้โดนทำร้ายจนถึงขั้นเสียชีวิต และจากสถิติที่เคยบันทึกมา จำนวนคนที่ถูกหมาป่ากัดมีน้อยยิ่งกว่าโดนสุนัขกัดซะอีก

ตัวอย่างข่าว: Wolves attack and seriously injure woman who went jogging in French zoo

photo: Caleb Falkenhagen/Pexels

ระหว่างการค้นคว้าข้อมูลเพื่อไขข้อกระจ่างหลาย ๆ ความเชื่อที่เรามีต่อ ‘หมาป่า’ เหล่านี้ก็พลันทำให้ผู้เขียนเองตระหนักได้ว่า

 ยังมีอีกหลายเรื่องที่มนุษย์ไม่เคยรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่า ‘หมาป่า’

ความเชื่อที่เราได้ยินตามกันมาทำให้เรามีความเข้าใจเกี่ยวกับหมาป่าคลาดเคลื่อนไปมาก จนบางทีทำให้พวกมันกลายเป็นตัวร้ายไปโดยไม่รู้ตัว เนื่องในวันหมาป่านี้ ก็อยากให้เรามองหมาป่าเปลี่ยนไปและมีความเข้าใจที่ถูกต้อง ไปพร้อม ๆ กับการอนุรักษ์ให้หมาป่าอยู่คู่กับโลกเราไปนาน ๆ

ที่มา

https://davemech.org/wolf-news-and-information/

https://wolf.org/wolf-info/basic-wolf-info/wolf-faqs/#toggle-id-18

https://www.voyageurs.org/news/lone-wolf

https://www.livingwithwolves.org/about-wolves/tackling-the-myths/

https://herofortheplanet.org/wolf-coexistence/uncover/facts-and-myths/

https://nationalzoo.si.edu/animals/news/why-do-wolves-howl-and-other-top-wolf-questions-answered

Credit

Natticha Intanan

Related posts

สิ่งแวดล้อมกับ “ราคาอาหารที่สูงจนอาจเอื้อมไม่ถึง” บทลงโทษจากภาวะโลกรวนที่แฝงอยู่ในทุกวัน

โลกไม่ได้เดือดแค่ที่ขั้วโลก แค่ราคาอาหารหน้าบ้านก็พุ่งขึ้นเพราะสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปแล้ว

ฝีดาษลิง โควิด-19 อาจพบได้แรงและบ่อยขึ้น เพราะโลกรวนและสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรม? 

70 ปีที่แล้วแทบไม่มีใครรู้จักไวรัสเหล่านี้ เพราะอะไรถึงทำให้มันกลายเป็นหายนะใหญ่?

วังการี มาไท สตรีเคนยาผู้ผลักดันให้ผู้หญิงสร้างพื้นที่สีเขียวให้โลกและตัวเอง

จากเป้าหมายต้นไม้ 30 ล้านต้นในเคนยา สู่ชีวิตที่อุทิศตนเพื่อสิ่งแวดล้อมและความยุติธรรม

พา ‘ต้นไม้ของเรา’ สู่ตลาด เพิ่มช่องทางซื้อ – ขาย สร้างรายได้แก่เกษตรกร

อีกหนึ่งโครงการส่งเสริมอาชีพ และคืนความสมบูรณ์ให้ป่าของชุมชน อ.สันติสุข จ.น่าน