Customize Consent Preferences

We use cookies to help you navigate efficiently and perform certain functions. You will find detailed information about all cookies under each consent category below.

The cookies that are categorized as "Necessary" are stored on your browser as they are essential for enabling the basic functionalities of the site. ... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

No cookies to display.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

No cookies to display.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

No cookies to display.

Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

No cookies to display.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customized advertisements based on the pages you visited previously and to analyze the effectiveness of the ad campaigns.

No cookies to display.

Not Just Labor : งานที่ให้รูปถ่ายในโทรศัพท์เล่าเรื่องแรงงานผ่านความเป็นมนุษย์ - EnvironmanEnvironman

Not Just Labor : งานที่ให้รูปถ่ายในโทรศัพท์เล่าเรื่องแรงงานผ่านความเป็นมนุษย์

มากกว่าการถูกเป็นแรงงาน คือเข้าใจถึงความรู้สึก ความฝัน ความหวังในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง

สิ่งที่ดึงดูดเราให้ไปเยือนนิทรรศการนี้คือคำโปรยที่บอกว่า ‘งานแสดงทั้งหมดนี้เป็นภาพถ่ายที่ถูกถ่ายจากโทรศัพท์มือถือของแรงงานกัมพูชาและเมียนมา ซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศไทย’ 

เราเชื่อว่าภาพถ่ายเป็นสิ่งบอกเล่าเหตุการณ์และความรู้สึกนึกคิดได้ สำหรับในนิทรรศการนี้ก็เช่นกัน ภาพถ่ายทั้งหมดดูจะเป็นภาพที่ไม่หวือหวา เป็นเพียงภาพในชีวิตประจำวัน ชวนให้ความรู้สึกคล้ายกับเวลาเปิดดูอัลบั้มรูปในโทรศัพท์ของใครสักคน มันมีทั้งรูปท้องฟ้า ต้นไม้ ความสวยงามที่เราเจอแล้วอยากถ่ายเก็บมันไว้ในแต่ละวัน หรือรูปอาหารมื้ออร่อยที่ได้กินกับที่บ้าน ภาพของคู่รัก ลูก หรือครอบครัว ในวันที่ได้เจอหน้ากัน  ไปจนถึงวันสุดท้ายก่อนจะจากลาเพราะการพลัดถิ่นมายังประเทศเพื่อทำมาหากิน

นิทรรศการนี้จัดโดย SEA Junction จัดแสดง: 14 – 26 พฤษภาคม 2567 ชั้น 4 หอศิลปกรุงเทพฯ (BACC) โดยถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของแรงงานกัมพูชาและเมียนมาที่อาศัยอยู่ในภูเก็ต พังงา และจันทบุรี เพื่อทำงานในอุตสาหกรรมการประมงและอาหารทะเล ในมุมมองของแรงงานพลัดถิ่นที่ต้องมาทำงานไกลบ้าน มากกว่าการเห็นเขาเป็นแรงงานในระบบ นิทรรศการนี้ก็ระบุว่าอยากให้ภาพถ่ายเหล่านี้เป็นภาพสะท้อน ‘ความเป็นมนุษย์’ ที่พวกเรามีร่วมกัน การยอมรับในศักยภาพของพวกเขา เพื่อนำไปสู่สังคมที่เท่าเทียม เคารพในศักดิ์ศรีและความเป็นมนุษย์ของเพื่อนมนุษย์ทุกคน

ความเชื่อมโยงจากท้องทะเลสู่จานอาหารที่เราบริโภคในทุก ๆ วัน เราอาจไม่เคยรู้เลยว่ากุ้ง หอย ปู ปลาที่เราบริโภคนั้นมาจากไหน ใครเป็นคนหยิบจับมาให้เรากินหรือพวกเขาจะต้องเจออะไรบ้างกว่าจะได้มาซึ่งอาหารทะเลแต่ละครั้ง แต่อย่าพึ่งเข้าใจผิด นิทรรศการนี้ไม่ได้มาเล่าให้เราฟังว่าอาหารทะเลไทยปลอดภัยแค่ไหน อย่างไร

หากแต่ทำให้เราเห็นชีวิตของคนเบื้องหลังอาหารทะเล

แม้เราไม่เคยรู้จักหรือได้ยินเรื่องของแรงงานเจ้าของภาพถ่ายในนิทรรศการเหล่านี้มาก่อน แต่ภาพถ่ายและคำสัมภาษณ์ก็เป็นเหมือนประตูที่เชื่อมเราให้ได้รู้จักพวกเขาแบบไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอเข้าแล้ว

ความเหนื่อยล้าของแรงงานประมง

ศักยภาพและประสบการณ์ของกลุ่มแรงงานในอุตสาหกรรมประมงเป็นเรื่องที่เราควรยอมรับ ด้วยความที่เป็นงานที่ต้องใช้แรงและมีความเสี่ยง สำหรับกลุ่มคนที่ออกเรือก็ต้องทำงานในช่วงกลางคืนด้วย บางครั้งก็ต้องออกเรือหลายวันกว่าจะได้กลับมา 

“ทำงานบนเรือได้เงินดีกว่าก็จริง แต่จำเป็นต้องทำงานช่วงกลางคืน พอกลับเข้าถึงฝั่งยังต้องเลือกปลาต่อ ทำให้มีเวลานอนน้อยลง” (-Ye Ling Aung)

ในการทำงานบนฝั่งก็ยังมีขั้นตอนที่ช่วยทำให้อาหารทะเลสมบูรณ์และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากขึ้น จากคำสะท้อนของแรงงานในนิทรรศการก็พบว่าเป็นงานที่ค่อนข้างส่งผลต่อสุขภาพของพวกเขา

“การแกะปูสำคัญมากต่ออุตสาหกรรมอาหารทะเลในจังหวัด … ถ้าช่วงไหนจับปูได้น้อยก็จะได้ประมาณ 2 กิโลกรัมต่อวัน ถ้าไม่มีปูก็ไม่มีงาน ไม่มีรายได้”

คำบอกเล่าของ Ma Yu Yu แรงงานจากทวาย เล่าว่าตนเองเคยทำงานแกะปูมาก่อน แต่ตอนนี้ต้องเปลี่ยนมาทำอาชีพแม่บ้าน เพราะเริ่มทำงานแกะปูไม่ไหว

“งานแกะปูเป็นงานที่เหนื่อย ต้องใช้สมาธิและต้องนั่งทั้งวัน ซึ่งทำให้เจ็บเข่าเจ็บขามาก”

แล้วความสุขอยู่ที่ใดในทะเลที่กว้างใหญ่นี้?

ท่ามกลางทะเลที่กว้างไกลไร้ขอบเขต ชีวิตถูกรายล้อมไปด้วยคลื่นลม ฝูงปลา แสงแดด ธรรมชาติเหล่านี้กลายเป็นสิ่งที่สร้างความสุขแบบเรียบง่ายให้พวกเขาในแต่ละวันที่ผ่านไปพร้อมกับความเหนื่อยล้า

“เมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว ผมได้เริ่มทำงานบนเรืออวนดำ วิวบนเรือสวยมากและผมอยากให้คนอื่นได้เห็นด้วย ตอนที่ผมว่างจากงานบนเรือ ผมจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปและโพสต์ลง Facebook เพื่อให้คนอื่นได้ชื่นชมด้วยกัน” (-Pyae Sone Aung)

‘แล้วชาพม่าจะเยียวยาทุกสิ่ง’

ประโยคนี้เจ้าของรูปไม่ได้กล่าว แต่เป็นประโยคที่เราคิดในใจซะเอง ภาพนี้เข้าถึงใจเราเป็นพิเศษ อาจเพราะความเป็นแฟนคลับตัวยงชาพม่าและเป็นชาเลิฟเวอร์ของตัวเองด้วย ชวนให้ความรู้สึกเหมือนเวลาเราเจอวันทำงานที่เหนื่อยล้าแล้วให้ชาไทยเยียวยาจิตใจ มันก็คงเป็นแบบนั้นเช่นกัน : )

‘ความรัก ความฝัน’  กำลังใจในการทำงานของแรงงานพลัดถิ่น

หากเลือกได้คงไม่มีใครอยากย้ายไปทำงานไกลบ้าน แต่สำหรับแรงงานพลัดถิ่นในไทยเหล่านี้กลับไม่มีทางเลือก หลายบทสัมภาษณ์ในนิทรรศการนี้ เราสังเกตได้ว่าบทสนทนาส่วนใหญ่มักเล่าถึงคนสำคัญในชีวิตของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นคู่รัก ครอบครัว หรือกัลยาณมิตรที่สนิทสนมกัน

‘ถ้าผมถูกหวยก็จะส่งเงินเพิ่มให้พ่อแม่ที่ทวาย’

‘ฉันต้องการที่จะมาอยู่กับพ่อแม่ที่ภูเก็ตมาตลอด … ดีใจที่ตอนนี้ได้อยู่ด้วยกันแล้ว

ความสุขสำหรับพวกเขาคือการได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวอีกครั้ง 

เฉกเช่น Hnin Wutt Yi Moe แรงงานอายุ 19 ปี เจ้าของภาพถ่ายนี้ที่ได้กลับมาเจอพ่อแม่ของเธอ

‘ฉันต้องการที่จะมาอยู่กับพ่อแม่ที่ภูเก็ตมาตลอด … ดีใจที่ตอนนี้ได้อยู่ด้วยกันแล้ว ตอนเห็นแม่กับน้องชายเดินด้วยกันก็รู้สึกอยากถ่ายรูปพวกเขาขึ้นมา’

“ภรรยาผมเป็นคนไทย ในรูปกำลังทำผมตอนไปเที่ยวงานสงกรานต์  ลูกสาวผมมีบัตรประชาชนไทย ในรูปเธอทำมือหัวใจให้ผมถ่ายเก็บสื่อถึงความรัก”

ความรักและความฝันมักเป็นกลไกขับเคลื่อนสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ แต่สำหรับแรงงานพลัดถิ่นเหล่านี้ก็อาจไม่ได้โชคดีได้อยู่ใกล้คนรักของพวกเขาทุกคน นอกจากการต้องอยู่ห่างไกลคนรักแล้ว ในวาระสุดท้ายของชีวิตอาจเจอการจากลาที่ไม่มีโอกาสได้บอกลากัน อย่างเรื่องราวของแรงงานกัมพูชา เพื่อนของ Som Rong ที่เธอเล่าว่าเพื่อนเสียชีวิตตอนที่ทำงานในไทย แต่ครอบครัวของพวกเขาไม่สามารถเดินทางมาร่ำลากันครั้งสุดท้ายได้

“แรงงานที่เสียชีวิตที่เมืองไทย ญาติพี่น้องทางกัมพูชาจะมาร่วมงานศพไม่ได้ เพราะไม่มีบัตรไม่มีหนังสือเดินทาง และต้องใช้เงินเยอะ” เธอเล่า

…จุติ จุตัง อะระหังจุติ… 

คำบาลีที่นิยมภาวนาเมื่อเผาศพ แปลใจความได้คร่าว ๆ ว่า  ขอให้จากไปอย่างสงบสุข ละซึ่งกิเลสได้เช่นพระอรหันต์เถิด

ในวันที่เศรษฐกิจไทยยังต้องพึ่งพาอุตสาหกรรมประมง ความยั่งยืนจึงเป็นเรื่องที่มากกว่าทรัพยากรสัตว์น้ำหรือทัองทะเลที่เราจะต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะ ‘แรงงาน’ หรือเพื่อนมนุษย์อีกหลายคนที่เป็นด่านหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนี้ 

นิทรรศการนี้อาจไม่ได้ช่วยให้คุณมองเห็นสิ่งแวดล้อมในทะเลที่สวยงาม ปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงโดยตรง แต่เชื่อเถอะว่าการที่ได้เห็นว่า ชีวิตของชาวประมงต้นทางที่เป็นคนส่งต่ออาหารทะเลให้พวกเราได้อยู่ดีมีสุข โดยที่ไม่ได้โดนกดขี่ ก็คงจะทำให้เรารู้สึกใจชื้นขึ้นเป็นแน่

นอกเหนือจากสิทธิด้านแรงงานที่พวกเขาควรได้รับอย่างถูกกฎหมาย ภาพในฝันของอุตสาหกรรมประมงที่ไร้ซึ่งการกดขี่ การละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือการค้ามนุษย์แล้ว

การถูกมองด้วยความเข้าอกเข้าใจในฐานะ  ‘เพื่อนมนุษย์’ ด้วยกัน การได้รับความเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความรัก ความฝัน และศักยภาพของพวกเขาก็เป็นสิ่งที่พวกเขาสมควรได้รับเฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ทุกคนบนโลกอย่างไม่มีพรมแดน

สำหรับใครที่สนใจ นิทรรศการนี้จัดถึงวันที่ 26 พฤษภาคม 2567 บริเวณชั้น 4 หอศิลปกรุงเทพฯ (BACC) หรือติดตามกิจกรรมอื่น ๆ ได้เพจ SEA Junction 

Credit

Chayanit S.

เป็นคนกรุงเทพฯ ชอบเดินเที่ยวเมือง ฟังเพลงซ้ำ ๆ นั่งโง่ ๆ ดูคนคนใช้ชีวิต :-)