Customize Consent Preferences

We use cookies to help you navigate efficiently and perform certain functions. You will find detailed information about all cookies under each consent category below.

The cookies that are categorized as "Necessary" are stored on your browser as they are essential for enabling the basic functionalities of the site. ... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

No cookies to display.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

No cookies to display.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

No cookies to display.

Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

No cookies to display.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customized advertisements based on the pages you visited previously and to analyze the effectiveness of the ad campaigns.

No cookies to display.

สิ่งแวดล้อมกับ ‘พะยูน’ เพื่อนร่วมโลกที่กำลังจากเราไป  - EnvironmanEnvironman

สิ่งแวดล้อมกับ ‘พะยูน’ เพื่อนร่วมโลกที่กำลังจากเราไป 

พะยูนในไทยอาจมีไม่ถึงร้อยตัว และภัยคุกคามของพะยูนคงไม่ได้มีแค่การทำประมงอีกต่อไป

‘พะยูน’ หรือ ‘หมูน้ำ’ (Dugong) และอีกหลากหลายชื่อเพื่อนบ้านตัวกลมของชาวเลริมชายฝั่งอันดามันและอ่าวไทย ที่มีหน้าตาและรูปร่างที่อ้วนท้วมน่ารัก ตามฉบับที่คนไทยเอ็นดู แต่เพื่อนที่น่ารักตัวนี้อาจจะอยู่กับเราต่อไปไม่ได้นานนัก เพราะจำนวนประชากรของพวกเขากำลังดิ่งลงอย่างไม่หยุดยั้ง…

ตั้งแต่ฉันยังเรียนอยู่ชั้นประถม  ในคาบเรียนวิทยาศาสตร์คุณครูสอนให้ฉันท่องจำรายชื่อสัตว์สงวนของไทยราว 19 ตัว บางตัวก็สูญพันธ์ไปแล้ว และบางตัวก็เหลือน้อยเต็มที เจ้าหมูน้ำถูกจัดอยู่ในประเภทหลัง ที่ถูกบรรจุอยู่ในรายชื่อสัตว์สงวนใน พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็นับสามทศวรรษได้ที่ประเทศไทยพยายามจะ ‘อนุรักษ์’ พะยูน 

เป็นพะยูนไทยต้องอดทน/สถานการณ์พะยูนไทย 

ในช่วงก่อนที่จะมีกฎหมายควบคุมการทำประมงและกฎหมายปกป้องสัตว์สงวน พะยูนจำนวนมากต้องตายด้วยกิจกรรมของเพื่อนร่วมโลกอย่างมนุษย์ อย่างการทำประมงด้วยอวนลาก อวนรุน หรือทำประมงในเขตสามไมล์ทะเล แต่หลังจากที่มีการควบคุมการกระทำเหล่านี้ด้วยกฎหมาย ทั้งพ.ร.บ. การประมง พ.ศ.2490 และพ.ร.บ.บัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2490 และอนุสัญญา CITES จึงทำให้กิจกรรมของมนุษย์ไม่ใช่สาเหตุหลักที่คร่าชีวิตเพื่อนหมูน้ำอีกต่อไป

ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทะเล และรองคณบดี คณะประมงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้ข้อมูลว่า ในช่วงก่อนปี 2565 พะยูนในไทยตายปีละ 12 ตัว ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 5 ตัว แต่ในช่วง 2 ปีให้หลัง (พ.ศ.2565-2567) เราได้เสียประชากรพะยูนไปเฉลี่ยปีละ 36 ตัว เรียกได้ว่ามากกว่าช่วงก่อนหน้าถึงสามเท่าตัว และสาเหตุหลักก็เป็นเพราะ ‘ขาดอาหาร’

จากการชันสูตรซากพะยูนที่ตายในช่วงปีที่ผ่านมา พบว่า พวกมันมีชั้นสะสมของไขมันลดลง มีร่างกายที่พ่ายผอม และส่วนใหญ่มีน้ำหนักอาหารเพียง 1% ทั้งที่โดยปกติแล้วมันจะต้องกินอาหารเป็นปริมาณ 3% ของน้ำหนักตัวรวมไปถึงอาการอื่น ที่ฟ้องว่าพวกมันกำลังขาดอาหารเป็นอย่างมากเช่นการสะสมของลิ่มเลือดและชั้นไขมันในหัวใจ

แม้ว่าจะมีลักษณะอ้วนกลมแต่นั่นไม่ใช่ตัวชี้วัดว่าพวกมันอุดมสมบูรณ์ 

พะยูนในประเทศไทยตอนนี้กำลังประสบวิกฤตขาดแคลนอาหารเป็นอย่างมาก เพราะ ‘แหล่งหญ้าทะเล’ ที่้เป็นอาหารหลักของพวกเขากำลังเสื่อมโทรมอย่างหนัก จากอุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น ดินที่ร้อนประหนึ่งแผงหญ้า ตะกอนดินจากบนฝั่งที่มาพร้อมกับห่าฝนที่ตกนานผิดปกติไหลลงมาทับหญ้าเหล่านั้น  ซึ่งเป็นผลทอดยาวมาจากสภาวะโลกรวนที่เราต่างรู้กันดีว่าใครคือต้นเหตุของมัน

วิกฤตชีวิตพะยูนกับสิ่งที่สามารถทำได้ในตอนนี้

ตั้งแต่ปี 66 มาจนถึงตอนนี้ แม้ยังไม่ได้มีการสำรวจจำนวนประชากรพะยูนอย่างชัดเจน แต่จากการชีวิต

พะยูนร่วงโรยดั่งใบไม้ร่วง โดยเฉพาะในช่วงเดือนที่ผ่านมานั้น ดร.ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิจัยทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง บอกกับเราว่า เราอาจจะสูญเสียสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นอีกชนิดหนึ่งไปได้เพราะในตอนนี้ประเทศไทยอาจจะเหลือไม่ถึงร้อยตัว เราอาจต้องใช้เวลาเป็น 10 ปี ในการทำให้จำนวนประชากรกลับมาเท่าช่วงก่อนหน้า

ในตอนนี้ทั้งภาครัฐและองค์กรต่างๆ จึงทำได้เพีงตั้งรับวิกฤตนี้และประคับประคองสถานการณ์ ด้วยมาตรการ 4 ข้อหลักๆ เพื่อลดอัตราการตายให้เป็นศูนย์ให้ได้ ดังนี้

ประกาศพื้นที่คุ้มครองและบังคับใช้มาตรการ อย่างเช่น การประกาศ 13 พื้นที่ในอ่าวพังงาให้เป็นพื้นที่คุ้มครองซึ่งจะห้ามไม่ให้ทำกิจกรรมที่เป็นภัยคุกคามต่อพะยูน ไม่ว่าจะเป็น จำกัดเครื่องมือประมง จำกัดการสัญจรหรือความเร็วเรือ จำกัดกิจกรรมสันทนาการ รวมไปถึงการควบคุมมลพิษด้วย

สำรวจพะยูนและประเมินหญ้าทะเลให้เป็นปัจจุบัน โดยการใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีเพื่อสำรวจประชากรพะยูนและปริมาณหญ้าทะเล ใน 7 พื้นที่จากสตูลไปจนถึงระนอง

ค้นหาและช่วยเหลือพะยูนที่ยังมีชีวิต เมื่อพบพะยูนแล้ว การดำเนินการขั้นถัดไปคือการเข้าช่วยเหลือพวกมันโดยตรงด้วยการให้อาหารทดแทนในธรรมชาติ และการอนุบาลพะยูนที่มีการป่วย ไปจนถึงการเตรียมความพร้อมทางทรัพยากรด้านอื่นๆ อย่างการพัฒนาศูนย์ช่วยชีวิตตรัง 

ฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเล ซึ่งเป็นอาหารหลักของพะยูน โดยมุ่งหมายให้มีการฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเลในธรรมชาติให้ได้หนึ่งพันไร่ต่อปี ด้วยนวัตกรรม ความรู้ และความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม และอาจจะนำเอากลไกในเรื่อง Carbon Credit มาใช้ในส่วนนี้ด้วย

ภาพจาก FB :Kongkiat Kittiwatanawong

ในฐานะคนห่างไกลทำอะไรได้บ้าง ?

ทั้งตัวผู้เขียนและผู้อ่านหลายๆ คน อาจจะไม่ใช่คนที่อยู่ติดริมทะเลหรือเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทชิดใกล้กับเหล่าพะยูน จนอาจจะเผลอนึกไปว่าเราคงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แม้สักนิด แต่ทว่า ชาวเมืองกับริมเลแท้จริงแล้วใกล้กันเพียงหนึ่งสายธาร ทั้งแม่น้ำ ลำคลอง หรือบ่อบึง ต่างก็เชื่อมกันเป็นโยงใยและมีปลายทางเป็นทะเลซึ่งก็คือบ้านของเจ้าหมูน้ำทั้งหลาย 

ฉะนั้นแล้วสิ่งที่ชาวเมืองจะทำเพื่อช่วยชีวิตเพื่อนๆ ได้ ก็คงเป็นการไม่สร้างขยะหรือมลพิษลงแหล่งน้ำ อย่างในช่วงลอยกระทงที่ผ่านมา แม้ว่าพะยูนจะไม่ได้กินกระทงเข้าไปโดยตรง แต่วัสดุจากกระทงก็อาจจะกลายเป็นขยะที่สร้างมลพิษและเป็นอันตรายต่อพวกมันได้อยู่ดี นอกเหนือไปจากการไม่สร้างมลพิษทางน้ำ เราก็ไม่ควรที่จะสร้างมลพิษด้านอื่นๆ ที่เป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมหรือเป็นต้นเหตุของสภาวะโลกรวนด้วย แม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่วิธีการช่วยเหลือพะยูนโดยตรง แต่สิ่งที่พวกมันกำลังเผชิญอยู่ ก็เป็นผลทางอ้อมจากปัญหาที่มนุษย์ก่อเช่นเดียวกัน

“ระบบนิเวศในปัจจุบันนี้ มีความเปราะบางมากๆ อย่างที่เราเห็น สภาพหญ้าทะเลที่มันหายไปเสื่อมสภาพไปอย่างนี้ ฉะนั้นการที่เราจะช่วยเขาได้โดยไม่ทำอะไรให้เกิดภาวะมลพิษเพิ่มขึ้น” ดร.ก้องเกียรติ กล่าว

พบเห็นซากพะยูน ต้องทำอย่างไร?

อีกสิ่งที่ทำได้เมื่อพบเห็นพะยูน ไม่ว่าจะเป็น ป่วย หรือตายเป็นซาก แจ้งได้ที่

เพจ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สายด่วน 1362 หรือ ThaiWhales

หรืออยากร่วมทีมสำรวจบินโดรน นักวิทยาศาสตร์พลเมือง คอยติดตามพะยูนรอบภูเก็ต ติดต่อไปทาง Theerasak Saksritawee หรือ Dr. Kongkiat Kittiwatanawong

อ้างอิง

https://km.dmcr.go.th/c_10/d_944

https://www.facebook.com/kongkiat.kittiwatanawong/posts/pfbid0goHjU1hr1q9CRSgXTcS6QZyLG7H8insWeBvVBP7DYMduutYzJPktevkfmMaUiR13l

Credit

22°C

Part-time Writer, Full-Time Lover สาวสระบุรี มีลูกเป็นต้นไม้ ไม่ชอบเมืองใหญ่ อยากไปสำรวจโลก