ใครที่เปิดดู Disney+ Hotstar ก็จะเห็นว่ามีอีกหนึ่งสารคดีที่มีชื่อว่า ”Epic Adventures with Bertie Gregory” เป็นสารคดีที่ให้เราเห็นถึงชีวิตสัตว์แบบเจาะลึก ให้เราเห็นที่มาที่ไปของกิจวัตรประจำวันของสัตว์เหล่านั้น ในขณะเดียวกันก็พาเราไปดูความสวยงามมุมต่าง ๆ ของโลกที่อาจจะเปลี่ยนไปในไม่ช้า โดยทั้งหมดนี้เล่าเรื่องโดย Bertie Gregory ช่างภาพจาก National Geographic และทีมงาน ที่ตะลอนไปทั่วโลก โดยภาพที่จะได้เห็นก็ไม่ได้มีแค่สิ่งมีชีวิตที่อยู่หน้ากล้องเท่านั้น แต่เราจะได้เห็นเบื้องหลังของ Bertie และทีม ว่ากว่าจะไปเจอสัตว์ที่น่าทึ่งเหล่านี้พวกเขาต้องลุย ต้องทำอะไรบ้าง
ที่เราเอามาเล่าอย่างนี้ แน่นอนว่า ทางเราก็ได้ดูแล้ว และชอบมากกกก เพราะได้เห็นภาพที่น่าทึ่งของสัตว์จากหลากหลายมุมโลก และทาง Bertie เองก็คอยเล่าเกร็ดความรู้เล็ก ๆ เกี่ยวกับสัตว์ กิจกรรมที่พวกเขากำลังทำอยู่ และระบบนิเวศตรงนั้นให้เรารู้ด้วย
วันนี้เราเลยอยากชวนทุกคนไปดูสารดีเรื่องนี้ และอ่านบทสัมภาษณ์ที่เรามีโอกาสได้ไปพูดคุยกับ Bertie Gregory เองด้วย มาชมภาพสวย ๆ พร้อมทำความรู้จักกับ Bertie และสารคดีนี้มากขึ้นกัน

อะไรทำให้เป็น Bertie Gregory ในทุกวันนี้?
ผมคลั่งเรื่องสัตว์ป่าตั้งแต่เด็ก และนั่นมาจากความชอบกีฬาทางน้ำของผม ทั้งครอบครัวก็ชอบกีฬาทางน้ำมาก ตั้งแต่เด็กเลยได้ไปเล่นน้ำลงน้ำอยู่บ่อย ๆ นั่นเลยเป็นที่มาของความคลั่งไคล้ที่ผมมีต่อสัตว์ป่า แต่พอเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ผมก็มารู้ตัวว่า ถ้าผมถ่ายรูปหรือวิดีโอของสิ่งที่ผมเห็น ของสัตว์ที่ผมรัก มันเป็นวิธีที่เยี่ยมที่จะตอบโจทย์ความชอบของผม แต่ในขณะเดียวกันก็จะทำให้คนตื่นเต้นในสิ่งที่ผมตื่นเต้น
Episode ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ Bertie
Episode ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด (ซึ่งจริง ๆ ก็ยิ่งใหญ่หมดทุกตอนทุกทริป) คือตอนที่ไปแอนตาร์กติกา ไปตามวาฬฟินในตำนาน เพราะที่นี่เขาลือว่าที่นี่วาฬฟินจะรวมกลุ่มล่าเหยื่อเป็นกลุ่มใหญ่ ซึ่งวาฬฟินเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก บางตัวยาวได้ถึง 90 ฟุต และหนักเท่ากับเครื่องบินที่มีผู้โดยสารเต็มลำ พวกเราต้องเดินทางด้วยเรือตัดน้ำแข็งขนาดยาวเพียงแค่ 75 ฟุต และข้ามผ่านหนึ่งในมหาสมุทรที่สุดทรหดของโลกเพื่อไปเจอกับกลุ่มวาฬฟินนี้
มันท้าทายมาก พวกเราต้องตื่นมาตอนกลางคืนในบางครั้ง เพราะภูเขาน้ำแข็งที่อยู่ข้าง ๆ เรือของพวกเรานั้นถล่มลงมา เราต้องจับที่สมอที่เราทอดลงไปด้วยนิ้วมือของเราเอง เพราะ (ดินฟ้าอากาศ) ตอนนั้นหนักหน่วงมาก แต่สุดท้าย ความอดทนอดกลั้นของพวกเราก็ได้ผล เราสามารถบันทึกภาพการรวมกลุ่มล่าเหยื่อของวาฬฟินที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกภาพในประวัติศาสตร์ได้ ตรงนั้นมีวาฬฟินอยู่กว่า 300 ชีวิตได้ มาออกหากิน แล้วก็มีเพนกวิน แมวน้ำ นกหลากหลายชนิดมารวมกันอยู่ นั่นเป็นอะไรที่เหลือเชื่อที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาแน่นอน

“เมื่อมองแว๊บแรก หลายอย่างที่พวกเราทำอาจจะเหมือนว่าอันตราย”
ตอนที่ไปแอนตาร์กติกานั้นพวกเราได้เจอกับ แมวน้ำเสือดาวด้วย ถ้าให้จินตนาการอย่างเร็ว ๆ ให้จินตนาการถึงมังกร แมวน้ำตัวนี้ว่ายน้ำไปมาเหมือนมังกรที่กำลังบินอยู่บนฟ้าเลย ซึ่งแน่นอน แมวน้ำตัวนี้อาจไม่เคยเห็นมนุษย์มาก่อน พอเจอกับผม มันก็เลยงับเข้าให้ที่มือ หัว และกล้องของผม แต่ผมก็เอาชนะทุกอย่างมาได้ด้วยการสงบสติ และทำใจเย็น เมื่อแมวน้ำรู้ว่าผมมาดี น้องก็สงบ และปล่อยผมไปโดยปริยาย ทั้งหมดนี้ที่น้องมางับน่าจะแค่อยากมาทักทาย และก็ไม่มีใครได้รับอันตรายอะไร
เมื่อมองแว๊บแรก หลายอย่างที่พวกเราทำอาจจะเหมือนว่าอันตราย แต่พวกเราเชี่ยวชาญเรื่องสัตว์ และเราก็ทำงานกับผู้เชี่ยวชาญเรื่องสัตว์มากมาย สิ่งสุดท้ายที่เราอยากจะทำคือการถูกสัตว์โจมตี เพราะถ้าเราโดนโจมตี มันจะทำให้สัตว์มีภาพลักษณ์ที่ไม่ดี สิ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเราอยากทำเลย เราอยากได้ตรงข้าม คือให้คนตื่นเต้นกับสัตว์ต่างหาก

สัตว์ที่ท้าทายที่สุดในการถ่ายทำสำหรับ Bertie
สัตว์ที่ท้าทายที่สุดในการถ่ายคือ อินทรีมงกุฎ พวกมันสวยมาก และเป็นอินทรีที่ทรงพลังที่สุดในแอฟริกา กรงเล็บของพวกมันใหญ่มาก และกรงเล็บที่ขาหลังของมันถือว่าเป็นอาวุธทางธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกา มันใหญ่กว่าฟันที่ใหญ่ที่สุดของสิงโตด้วยซ้ำ มากไปกว่านั้น คือพวกมันหาตัวจับยากมาก พวกมันอยู่ในป่าของแอฟริกา พวกเราต้องไปถ่ายทำที่ประเทศแซมเบีย
ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นสัตว์ที่ถ่ายทำยากที่สุด เพราะแค่จะเห็นตัวหนึ่งก็ยากแล้ว แต่เรากลับอยากถ่ายตั้งแต่ตอนที่มันเลี้ยงลูกของมัน และตอนที่มันกำลังล่าด้วย และนั่นก็ท้าทายมาก

เทคนิคพิชิตนกอินทรีมงกุฎของคุณคืออะไร ?
เพื่อที่จะถ่ายนกอินทรีมงกุฎในโมเมนท์ที่แม่อยู่กับลูกตามลำพังในกรง พวกเราต้องปีนต้นไม้ขึ้นไปเพื่อไปติดกล้อง และต้องคุยกับนักวิทยาศาสตร์อยู่ตลอดเวลาเพื่อที่จะมั่นใจว่าพวกเราทำถูกวิธี ปลอดภัยทั้งกับนกและพวกเราเอง ในขณะที่ผมปีน นกอินทรีตัวแม่ก็มองผมอยู่ตลอดเวลาจากที่ไกล นักวิทยาศาสตร์ก็เลยบอกทริคให้ผมระวังตัวไว้ โดยการติดหน้าผมไว้ที่กระเป๋าสะพายหลัง

“นักวิทยาศาสตร์เลยให้เราติดหน้าของเราไว้ที่กระเป๋าด้านหลัง เมื่อเราปีนต้นไม้ นกอินทรีก็จะคิดว่า ‘โอ้ เราไม่สามารถหลบอยู่ด้านหลังของสิ่งนี้ เพราะมันมองฉันตลอดเวลา’”
Bertie Gregory
นกอินทรีจะล่าเหยื่อด้วยการบินโฉบตอนที่เหยื่อไม่ทันตั้งตัว เพื่อไม่ให้มันโจมตีคุณ คุณต้องห้ามไม่ให้พวกมันมาด้านหลังของคุณ ปกติมันจะบินโฉบมาด้านหลังของเหยื่อ พวกมันทำอย่างนั้นกับลิงปกติ นักวิทยาศาสตร์เลยให้เราติดหน้าของเราไว้ที่กระเป๋าด้านหลัง เมื่อเราปีนต้นไม้ นกอินทรีก็จะคิดว่า ‘โอ้ เราไม่สามารถหลบอยู่ด้านหลังของสิ่งนี้ เพราะมันมองฉันตลอดเวลา’

จากการที่ไปมาทั่วโลก คุณเห็นผลกระทบจากน้ำมือมนุษย์ที่ธรรมชาติกำลังเผชิญบ้างไหม ?
ผมเห็นผลกระทบจากมนุษย์ในทุก ๆ ที่ นั่นเป็นอะไรที่น่าหดหู่ใจมาก ผมและทีมก็พยายามจะโชว์ทั้งภัยคุกคาม และความท้าทายที่โลกเรากำลังเผชิญ เพราะหลายครั้งสารคดีมักจะลืมเล่าในด้านนี้ และจะโชว์แต่ภาพสัตว์ที่อยู่ในธรรมชาติที่สวยงาม แต่ในขณะเดียวกัน การที่ผมไปถ่ายทำนี้ก็สามารถแสดงให้ทุกคนเห็นว่ายังมีมุมที่ดีของที่โลกอยู่ อย่างเช่นตอนที่ถ่ายสิงโต เขาก็ได้เจอกับองค์กรที่คอยพิทักษ์และปกป้องสัตว์ที่มีชื่อว่า ZCP หรือ Zambia Carnivore Porgramme คอยติดสัญญาณ GPS ที่ตัวสัตว์ ดูว่าสัตว์แต่ละตัวกำลังเผชิญภัยอันตราย เช่น ไปติดกับดักอยู่หรือไม่ ซึ่งพอเขาพบเขาก็จะรีบเข้าไปช่วยและมารักษาต่อไป

สามารถติดตามดูทั้งหมด 5 ตอน 5 สถานที่ ได้ใน Disney+ Hotstar เลย!!