YARA แบรนด์ปุ๋ยประสบการณ์กว่า 120 ปี กับภารกิจลดคาร์บอนในอุตสาหกรรมปุ๋ยอย่างยั่งยืน

ด้วยการพลิกโฉมอุตสาหกรรมปุ๋ย ผ่านนวัตกรรมและดิจิทัลโซลูชั่นเพื่อเกษตรกร

ความมั่นคงทางอาหาร เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ๆ ซึ่งถ้าเราไม่ได้สังเกตและติดตามอย่างสม่ำเสมอ เราอาจจะไม่สัมผัสถึงภัยคุกคามและความเสี่ยงที่เกิดขึ้น ตราบใดที่เรายังมีอาหารกินทุกวันอยู่ เราอาจจะไม่คิดถึงปัญหาในเรื่องนี้้เลยก็เป็นได้

ปัญหาก็คือโลกเรามีความมั่นคงทางอาหารลดลง ซึ่งผลพวงส่วนหนึ่งมาจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ และแน่นอนว่าพฤติกรรมการบริโภคของเราเองก็มีผล อย่างที่ช่วงปีนี้มัทฉะขาดตลาด ส่วนหนึ่งก็มาจากโลกที่แปรปรวนเช่นกัน แปลว่าในอนาคตบางเมนูอาจจะมีให้เรากินน้อยลง หรือกระทั่งหายไปเลยตลอดกาล
และด้วยประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นทุกปี แม้จะในอัตราที่ช้าลงก็ตาม โจทย์ก็คือจะทำยังไงให้มีอาหารเพียงพอถึงทุกคน จึงต้องย้อนกลับมาถามที่ภาคการเกษตรที่กำหนดชะตาความอิ่มท้องของมนุษย์ ซึ่งก็ต้องงยอมรับว่าการจะผลิตให้ได้ทันตามความต้องการคงจะอาศัยธรรมชาติอย่างเดียวไม่พอ แต่จำเป็นต้องพึ่งตัวช่วย ซึ่งก็คือ ปุ๋ย นั่นเอง

ปุ๋ยเป็นตัวแปรที่จำเป็นมากต่อเกษตรสมัยใหม่ เพราะมันช่วยเติมเต็มสารอาหารที่จำเป็นในการเจริญเติบโตของพืช จนต่อเนื่องเป็นการเพิ่มผลผลิตในท้ายที่สุด จริงที่โลกมีการใช้ปุ๋ยมานานแล้ว ย้อนกลับไปเมื่อ 8,000 ปีก่อนเกษตรกรยุโรปได้เริ่มใช้มูลสัตว์มาเป็นปุ๋ยธรรมชาติ

ต่อมาในช่วงปี 1620 ชาวยุโรปได้ค้นพบว่าปลาก็ใช้เป็นปุ๋ยได้ และในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ปุ๋ยเคมีชนิดแรกได้ถูกผลิตขึ้นจากกระดูกสัตว์ที่ผ่านการหมักด้วยกรดกำมะถัน

ปุ๋ยเป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อมหรือสุขภาพของคนหรือไม่ ?

ปัญหาที่แท้จริงอาจไม่ได้อยู่ที่ตัวปุ๋ยเอง แต่อยู่ที่กระบวนการการผลิตและการใช้งานมากกว่า หากใช้มากเกินความจำเป็น ใช้ไม่ถูกวิธี หรือการเลือกประเภทปุ๋ยที่ไม่เหมาะสมกับพืชและสภาพดินในแต่ละพื้นที่ อาจสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ อารมณ์ประมาณกินอาหารมากเกินไป หรือไม่ถูกต้องตามโภชนาการ สุขภาพของเราก็อาจจะเสียได้ 

ทั้งนี้ในทุกการผลิตย่อมมีต้นทุนทางสิ่งแวดล้อม ซึ่งในอุตสาหกรรมนี้มาในรูปแบบหลัก ๆ คือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือที่เราพูดภาษาง่าย ๆ ว่าปล่อยคาร์บอน

การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของอุตสาหกรรมปุ๋ยเกิดขึ้นใน 2 ช่วงหลัก คือ ช่วงการผลิต ซึ่งคิดเป็นหนึ่งในสามของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด และช่วงการใช้งาน ซึ่งคิดเป็นสองในสามของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นี่จึงเป็นโจทย์ให้กับผู้ผลิตปุ๋ยที่จะต้องปรับเปลี่ยนหาวิธีการลดคาร์บอนในกระบวนการให้ได้มากที่สุด

ข้อมูลจากการวิจัยชี้ให้เห็นว่า อุตสาหกรรมปุ๋ยปล่อยราว ๆ 2% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดของโลก ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะเมื่อปุ๋ยเชื่อมโยงโดยตรงกับภาคเกษตรที่เป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากภาคพลังงานและภาคอุตสาหกรรม

ดังนั้นการปรับเปลี่ยนการผลิตปุ๋ยให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจึงเป็นความท้าทายแต่จำเป็นของผู้ผลิต เพื่อเป็นส่วนสำคัญในการช่วยลดมลพิษและก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ

YARA: ผู้นำการลดคาร์บอนในอุตสาหกรรมปุ๋ย

YARA (ยารา) เป็นบริษัทปุ๋ยระดับโลก สัญชาตินอร์เวย์ ด้วยความตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการที่เป็นบริษัทผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมปุ๋ยมา 120 ปี YARA กำหนดวิสัยทัศน์ Growing a Nature-Positive Food Future หรือ การสร้างอนาคตทางอาหารที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ และการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในกระบวนการผลิต 

การปฏิวัติกระบวนการผลิต

YARA ได้ทำงานเป็นเวลากว่า 20 ปีในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิต โดยสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงมากถึง 50% เมื่อเทียบกับอดีต 

นวัตกรรมตัวเร่งปฏิกิริยาของ YARA เป็นนวัตกรรมที่แบรนด์ทำการพัฒนาขึ้นมาเอง เพื่อจัดการกับไนตรัสออกไซด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลรุนแรงกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 270 เท่า นวัตกรรมนี้มีบทบาทสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ YARA ลง 45% นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 

เมื่อพูดถึงก๊าซเรือนกระจกส่วนมากเราจะนึกถึงคาร์บอนไดออกไซด์เป็นหลัก หรือหากเป็นในบริบทของการเกษตรคนทั่วไปก็จะนึกถึงมีเทน แต่ไนตรัสออกไซด์ถือเป็นสิ่งที่น่ากังวลด้วยศักยภาพของมันที่รุนแรงกว่า และเมื่อถูกปล่อยออกมาแล้วจะอยู่ในชั้นบรรยากาศยาวนานเฉลี่ยถึง 120 ปี แปลว่าจะส่งผลกระทบข้าม Generation ของคนเลยทีเดียว ดังนั้นแบรนด์ YARA จึงมุ่งมั่นในการลดไนตรัสออกไซด์ลงในโรงงาน

การใช้พลังงานหมุนเวียน YARA ได้เริ่มใช้พลังงานหมุนเวียนในโรงงานผลิตปุ๋ยบางส่วนที่นอร์เวย์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีแหล่งพลังงานสะอาดจากพลังงานน้ำและลมอย่างอุดมสมบูรณ์ ซึ่งการใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตสามารถช่วยลดคาร์บอนฟุตพรินท์ของสินค้านั้นได้ถึง 90% เมื่อเทียบกับการใช้ก๊าซธรรมชาติ

การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อช่วยเกษตรกร

YARA ไม่เพียงมุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตเท่านั้น แต่ยังช่วยเกษตรกรใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผ่านนวัตกรรมต่างๆ

ระบบปุ๋ยทางน้ำ (Fertigation) เทคโนโลยีนี้ช่วยให้เกษตรกรสามารถใส่ปุ๋ยพร้อมกับการรดน้ำ ทำให้พืชดูดซึมธาตุอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการสูญเสียธาตุอาหารและการระเหยสู่อากาศ

ผลิตภัณฑ์ชีวภาพ (Biologicals) การพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของพืชในการดูดซึมธาตุอาหาร เพิ่มความทนทานต่อภัยแล้งและอุณหภูมิสูง อันสืบเนื่องมาจากความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

แอปฯ ยาราฟาร์มแคร์ (Yara FarmCare®) ในประเทศไทย YARA ได้พัฒนาแอปพลิเคชันที่ช่วยให้เกษตรกรใช้งานได้ฟรี ซึ่งรวมเอาเครื่องมือดิจิทัลที่เป็นประโยชน์และสะดวกมาอยู่ในที่เดียว เช่น แอปสามารถคำนวณปริมาณการใช้ปุ๋ยที่เหมาะสม ประเมินความต้องการธาตุอาหารของพืชผ่านการเทียบสีใบ ตรวจสอบอาการขาดธาตุอาหาร และดูพยากรณ์อากาศในพื้นที่เฉพาะเจาะจง นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาให้สามารถวัดขนาดแปลงพื้นที่เพาะปลูกจากเทคโนโลยีดาวเทียมด้วย มั่นใจถึงความละเอียดและแม่นยำ

ปัจจุบันมีผู้ใช้งานแอปพลิเคชันนี้แล้วกว่า 370,000 คนในประเทศไทย ซึ่งช่วยลดการใช้ปุ๋ยที่ไม่จำเป็นและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

YARA ยังมีแนวทางการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในด้านอื่นๆ เช่น เริ่มเปลี่ยนมาใช้กระสอบบรรจุปุ๋ยรุ่นใหม่ “ถุงเรโน” (Renobag) ในประเทศไทย ที่ลดการใช้พลาสติกลงครึ่งหนึ่ง จากถุงพลาสติกสองชั้นเหลือเพียงชั้นเดียว

อนาคตของปุ๋ยและการเกษตรยั่งยืน

การประเมินวงจรชีวิตของสินค้าตั้งแต่ต้นทางยันปลายทางเป็นวิธีการที่แบรนด์ทั่วโลกเริ่มทำกัน มันเป็นการคิดใหม่ว่าเราสามารถปรับแก้ไขในกระบวนการส่วนไหนได้บ้างเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับการทำธุรกิจและสิ่งแวดล้อม ซึ่งในกรณีของปุ๋ย โฟกัสจะตกไปอยู่ที่การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในกระบวนการผลิต การพัฒนาโซลูชั่นเพื่อตอบสนองต่อสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการใส่ปุ๋ยแบบแม่นยำ

อย่างแบรนด์ YARA ที่มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง ก็ได้นำร่องผลักดันแนวทางที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถผลิตอาหารได้มากขึ้น ใช้ทรัพยากรน้อยลง และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

การเปลี่ยนแปลงสู่การเกษตรยั่งยืนต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีอยู่ในปัจจุบัน เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากปุ๋ยอย่างมีนัยสำคัญไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ สิ่งที่ต้องการคือการมุ่งมั่นและการลงทุนในการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เราสามารถผลิตอาหารได้อย่างเพียงพอสำหรับประชากรที่เพิ่มขึ้น โดยไม่ทำลายโลกที่เราอาศัยอยู่

Credit

Environman

Environman คือหนึ่งในสื่อออนไลน์ที่นำเสนอปัญหาสิ่งแวดล้อม เป้าหมายคืออยากทำให้โลกใบนี้ดีขึ้น ไม่เฉพาะการเป็นสังคมออนไลน์ที่แข็งแกร่ง แต่หวังให้ความรู้นำไปสู่การลงมือทำเพื่อเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นได้จริง