อยากเที่ยวให้สุดใจ แต่ก็อยากไปแบบยั่งยืน #ไปไหนดี ?… ปี 2024 เป็นปีที่ผู้คนทั่วโลกเข้าใจบทบาทของตัวเองในการแก้ไขวิกฤตสภาพภูมิอากาศมากขึ้น สะท้อนจากผลสำรวจอย่างวิจัยจาก Booking.com ที่ชี้ว่า นักท่องเที่ยวกว่า 3 ใน 4 ต้องการเที่ยวอย่างยั่งยืนมากขึ้นในปีนี้ และผลสำรวจจาก Expedia Group ที่เผยว่านักเดินทางกว่า 90% มองหาตัวเลือกที่ยั่งยืน
กระแสการท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน หลายประเทศเริ่มมีมาตรการรับมือกับการท่องเที่ยว นโยบายใหม่ ๆ เหล่านี้ถูกนำมาใช้เพื่อควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยว ป้องกันการทำลายสิ่งแวดล้อม และกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่นขึ้น Environman อยากมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวรอบโลก ที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวสายยั่งยืนทุกคนในช่วงสิ้นปี พร้อมฉลองคริสต์มาส-ปีใหม่ พร้อมรับเทรนด์ท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อโลกในปี #2025
เกาะซาบา: มรกตแห่งแคริบเบียน มีของดีก็ต้องรักษาไว้
เกาะซาบา (Saba) หนึ่งในเทศบาลพิเศษที่เล็กที่สุดของเนเธอร์แลนด์ เป็นแชมป์การท่องเที่ยวยั่งยืนในแคริบเบียน สร้างความประทับใจด้วยความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
การเดินทางมายังเกาะซาบาต้องอาศัยเครื่องบิน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่เกาะแห่งนี้ได้ชดเชยด้วยโครงการอย่างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ผลิตพลังงานได้ประมาณ 40% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าทั้งหมด มีระบบรีไซเคิลครบวงจร มีเขตอุทยานทางทะเลรอบเกาะที่นอกจากจะรักษ์โลกแล้วยังเหมาะแก่การดำน้ำ และการห้ามใช้พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง มีตัวอย่างธุรกิจสีเขียวอย่างร้านอาหารบนเกาะ Rendezvous ที่ใช้เทคโนโลยีไฮโดรโปนิกส์เพาะปลูก ลดการใช้น้ำถึง 80%
ในปี 2023 Saba Bank ได้รับการประกาศให้เป็นจุดแห่งความหวังหรือ Hope Spot จากองค์กรอนุรักษ์ทางทะเลนานาชาติ Mission Blue เพราะเป็นพื้นที่สำคัญต่อสุขภาพของมหาสมุทร นอกจากนี้ เกาะซาบายังเป็นที่ตั้งของห้องปฏิบัติการทางทะเลแห่งแรกในหมู่เกาะ Windward ของแคริบเบียนดัตช์
เหมือนกันกับเกาะซาบา หลายเมืองและประเทศทั่วโลกได้ดำเนินมาตรการแบนพลาสติกใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ตัวอย่างเช่น เซนต์คิตส์และเนวิส ประเทศในแถบแคริบเบียนที่มีโครงการ “Plastics Be Gone” ลดการใช้พลาสติก 30% สหราชอาณาจักร แบนผลิตภัณฑ์พลาสติกหลายประเภท ฝรั่งเศส และ กรีซ เพิ่มมาตรการควบคุมการใช้พลาสติกจากข้อกำหนดสหภาพยุโรป มาตรการเหล่านี้ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และยังส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย
วาเลนเซีย สเปน: เมืองสีเขียวแห่งยุโรป
เมืองวาเลนเซีย ประเทศสเปน ได้รับรางวัล European Green Capital Award ปี 2024 เป็นรางวัลเมืองที่มุ่งมั่นปรับปรุงสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของชาวเมืองและนักท่องเที่ยว
เมืองวาเลนเซียมีเป้าหมายผลิตพลังงานไฟฟ้า 100% จากพลังงานหมุนเวียนภายในปี 2025 และมีพื้นที่สีเขียวกว่า 5 ล้าน ตารางเมตร นอกจากนี้ ยังมี Huerta พื้นที่เพาะปลูกผักผลไม้ 120 ตารางกิโลเมตร ส่งเสริมอาหารท้องถิ่น ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการรับประทานอาหารนอกบ้านและสนับสนุนการทำอาหารเอง ในแง่การเดินทางก็มีการปรับปรุงระบบขนส่งสาธารณะและพื้นทางเดินเท้า วาเลนเซียยังมีทางจักรยานยาว 200 กิโลเมตร
มีหลายเมืองที่มีระบบขนส่งสาธารณะและทางจักรยานดีเยี่ยม ช่วยส่งเสริมการเดินทางที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อย่างโคเปนเฮเกนมีชื่อเสียงด้านการขี่จักรยาน มีทางจักรยานที่เชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชน อัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองที่มีทางจักรยานยาวกว่า 400 กิโลเมตร ทำให้การขี่จักรยานเป็นวิธีการเดินทางที่นิยมมากที่สุด หรือปารีสที่เพิ่มเส้นทางจักรยานและบริการเช่าจักรยาน Vélib’ ที่มีสถานีทั่วเมือง
เฮลซิงกิ ฟินแลนด์: เมืองยั่งยืนอย่างรอบด้านอันดับหนึ่ง
เฮลซิงกิ เมืองหลวงของฟินแลนด์ ถูกจัดอันดับเป็นเมืองที่ยั่งยืนสูงสุดในโลกโดย GDS-Index โครงการวัดและประเมินความยั่งยืนของเมืองท่องเที่ยวและอีเวนต์
เมืองเฮลซิงกิมุ่งพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกด้าน โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยวและการจัดอีเวนต์ ซึ่งมีการดำเนินงานที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ
ปัจจุบัน เฮลซิงกิสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนได้ถึง 51% และตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน 80% ภายในปี 2030 นอกจากนี้ เมืองยังมีพื้นที่สีเขียวมากมาย โดยมีพื้นที่สีเขียว 9,339 เฮกตาร์ ต่อประชากร 100,000 คน
ไม่ต้องรอนโยบายรัฐ โรงแรมสิวาเทล: ท่องเที่ยวได้ แบบที่รับผิดชอบ
ในภาคธุรกิจของประชาชนก็ไม่น้อยหน้า โรงแรมสิวาเทล กรุงเทพ ได้รับรางวัล Global Responsible Tourism Award สาขา Increasing Local Sourcing จาก International Centre for Responsible Tourism (ICRT)
โรงแรมสิวาเทลจัดซื้อวัตถุดิบอินทรีย์จากเกษตรกรท้องถิ่นกว่า 60 รายในเครือข่าย Farmer Friends Network สนับสนุนการเกษตรแบบยั่งยืนตลอด 8 ปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันนับเป็น 70% ของวัตถุดิบที่ใช้ นอกจากนี้ โรงแรมยังมีโครงการ Sivatel Sustainable Market เชื่อมโยงนักท่องเที่ยวกับชุมชนท้องถิ่น ผ่านการนำผลิตภัณฑ์งานฝีมือและอาหารท้องถิ่นมาจำหน่ายภายในโรงแรม
อีกหนึ่งโครงการคือ From Kitchen to Chicken ลดขยะอาหาร โดยนำเศษอาหารจากครัวไปผลิตเป็นอาหารเลี้ยงหนอนดำ ต่อยอดเป็นโปรตีนเลี้ยงไก่ในฟาร์มท้องถิ่นที่เป็นซัพพลายเออร์เนื้อไก่ให้โรงแรมด้วยเป้าหมายให้ขยะโรงแรมสู่หลุมฝังกลบเป็นศูนย์ นอกจากนี้ ยูนิฟอร์มของพนักงานยังผลิตโดยแบรนด์แฟชั่นไทยที่ยึดมั่นในความยั่งยืนและส่งเสริมช่างฝีมือไทย
สังเกตุได้ว่า เมืองที่ได้รางวัลการท่องเที่ยวสีเขียวเหล่านี้ ไม่ได้เพียงแต่มีนโยบายสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว แต่เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิต และทำให้วิถีชีวิตของคนในเมืองสีเขียวขึ้นไปพร้อมกันนั่นเอง
สิ้นปีนี้ และตลอดปีหน้า ชวนทุกคนมาเป็นนักท่องเที่ยวที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและชุมชน เพื่อให้การเดินทางของเราสร้างความสุขทั้งตัวเราเองและโลกใบนี้
ไปเที่ยวแล้วก็อย่าลืมแชร์กันนะ ว่ามีที่เที่ยวสีเขียวที่ไหนน่าไปบ้าง!
ที่มา
https://www.bbc.com/travel/article/20240109-10-destinations-welcoming-sustainable-travellers-in-2024
https://www.gds.earth/destination/helsinki/2024
https://blueandgreentomorrow.com/news/countries-that-have-banned-single-use-plastic/