Customize Consent Preferences

We use cookies to help you navigate efficiently and perform certain functions. You will find detailed information about all cookies under each consent category below.

The cookies that are categorized as "Necessary" are stored on your browser as they are essential for enabling the basic functionalities of the site. ... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

No cookies to display.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

No cookies to display.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

No cookies to display.

Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

No cookies to display.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customized advertisements based on the pages you visited previously and to analyze the effectiveness of the ad campaigns.

No cookies to display.

ถอดรหัส Sustainable Living ของ SC Asset ที่เติมเต็มด้วยพันธมิตรกว่าร้อยราย

เพราะเรื่องสิ่งแวดล้อมแก้ด้วยคนเดียวไม่ได้ แต่ต้องลงมือทำไปด้วยกัน

เพราะปัญหาสิ่งแวดล้อม แก้ด้วยคนคนเดียวไม่ได้ แต่เป็นเรื่องของทุกคนที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ย้อนกลับไปในช่วงไม่กี่ศตวรรษที่ผ่านมา มนุษย์เปลี่ยนผ่านจากสังคมเกษตรกรรมสู่สังคมอุตสาหกรรม และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นทั่วโลกจนทำให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและสะดวกสบายขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องแลกมากับทรัพยากรบนโลกที่กำลังจะหมด อุณหภูมิโลกที่ไต่สูงขึ้นเรื่อย ๆ และจุดวิกฤติที่อาจจะรุนแรงจนกู่ไม่กลับในปัจจุบัน

นอกเหนือจากพลังของคนตัวเล็ก ๆ ที่จะช่วยกันเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อโลกแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งปัจจัยสำคัญคือการขยับของคนตัวใหญ่อย่าง ‘ภาคเอกชน’ ที่จะช่วยส่งเสริมให้การใช้ชีวิต กิน-อยู่-ใช้ ของผู้บริโภคนั้นเป็นมิตรกับโลกได้มากขึ้น

เมื่อ 25 มีนาคมที่ผ่านมา SC Asset ได้เปิดบ้าน ชวนเราไปดูความคืบหน้าภารกิจลดก๊าซเรือนกระจก 100,000 ตันคาร์บอน ภายในปี 2030 ในงาน SC Asset presents SCero Together ซึ่ง SC Asset หนึ่งในผู้นำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อสังหาริมทรัพย์เองได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและด้านสังคมไปพร้อม ๆ กัน โดยเฉพาะการชูแนวทาง “Sustainable Living”  หรือ ความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนในทุกกระบวนการก่อสร้าง ตั้งแต่การออกแบบ การจัดซื้อ ไปจนถึงการอยู่อาศัย

#SCeroMission เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 100,000 ตันคาร์บอน ภายในปี 2030

ในปัจจุบัน SC Asset มีการตั้งเป้าลดก๊าซเรือนกระจก (GHG) ให้ได้ 100,000 ตันคาร์บอนภายในปี 2030 และในปีนี้ มุ่งมั่นว่าจะลดให้ได้ 13,000 ตันคาร์บอน และขยับไปที่ 40,000 ตันคาร์บอนภายใน 3 ปีข้างหน้า โดยในตอนนี้ สามารถลดการปล่อย GHG ไปได้แล้วกว่า 26,000 ตันคาร์บอน 

ซึ่งนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของ SC Asset ไม่ได้มุ่งทำเพียงขาใดขาหนึ่ง แต่เริ่มเปลี่ยนแปลงในทุก ๆ ภาคส่วนของธุรกิจ ซึ่ง SC Asset ในปัจจุบันประกอบไปด้วย 2 ขาธุรกิจ คือธุรกิจบ้านอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจอาคารคลังสินค้า-โรงงาน ซึ่งในสองขาธุรกิจนี้ก็มีการเริ่มขยับนโยบายต่าง ๆ ผ่านการออกแบบอาคาร การใช้วัสดุรักษ์โลก การใช้นวัตกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การติดตั้ง solar roof ในอาคารสำนักงาน, บ้านตัวอย่าง และการแยกขยะอย่างมีระบบ ไปจนถึงการจัดการของเสียอย่างเป็นระบบ โดยนำวัสดุเหลือใช้จากการก่อสร้างกลับมารีไซเคิล ซึ่งที่ผ่านมาได้ส่งขยะรีไซเคิลกลับสู่ระบบการผลิตแล้วกว่า 86,000 กิโลกรัม

กลยุทธ์ 3 green สู่เป้าหมาย SCero Mission

สิ่งหนึ่งที่คุณณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ‘คุณพงศ์’ ของพนักงานทุก ๆ คนเล่าให้ฟังในงาน  SC Asset presents SCero Together คือ เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก 100,000 ตันคาร์บอนนั้นจะถูกขับเคลื่อนไปด้วยกลยุทธ์ 3 green ได้แก่ green-well standard, green DNA และ green collaboration

green-well standard นั้นจะต้องทำให้มีมาตรฐานดีต่อโลกและดีต่อคนในทุกมิติ โดยครอบคลุมทั้ง 3 มิติ คือ eco-friendly การใช้วัสดุและนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, energy efficiency การพัฒนาอสังหาฯ ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ, และ healthy living การออกแบบและเลือกใช้วัสดุเพื่อส่งเสริมสุขภาวะที่ดีต่อทั้งร่างกายและจิตใจของผู้คน

green DNA คือการปลูกฝังให้เรื่องของความยั่งยืน รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมนั้นเป็นส่วนหนึ่งใน DNA ของพนักงาน SC Asset จนทำให้เกิดความตระหนักรู้และลงมือทำได้อย่างเข้าใจจริง

green collaboration การร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในทุกขั้นตอนกว่าที่จะมาเป็นอสังหาฯ ของ SC Asset ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน การออกแบบ การจัดซื้อ การก่อสร้าง ไปจนถึงการจัดการของเสียอย่างเป็นระบบ โดยระบุว่า มูลค่าการจัดซื้อภายในอีก 5 ปีนี้ มากกว่า 95% จะต้องมาจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ว่าด้วยเทรนด์ green collaboration กรีนไปด้วยกัน กรีนไปได้ไกลในโลกธุรกิจ

หากต้องตอบคำถามที่ว่า “คุณคิดว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมควรเริ่มแก้จากที่ใด ตัวเอง ภาครัฐ ภาคเอกชน?” เชื่อว่าคำถามนี้ก็คงจะทำให้คิดหนักหรือตายไมค์กันไปบ้างแน่นอน ไม่ใช่เพราะเราจะบอกว่าแต่ละคนไม่ลงมือทำ เพียงแต่ปัญหาสิ่งแวดล้อมมันมีอยู่เยอะมากและมีอยู่ในทุกส่วนกิจวัตรประจำวันของมนุษย์ เราเลยต้องให้ทุกคนมาช่วยกันลงมือทำในส่วนที่ตัวเองถนัดกันยังไงล่ะ!

สำหรับโลกของภาคเอกชนก็เช่นกัน หากพูดถึงความรับผิดชอบแต่สิ่งแวดล้อมและสังคมขององค์กรต่าง ๆ แม้จะเป็นธุรกิจใหญ่แค่ไหน แต่ก็คงไม่สามารถแก้ปัญหาทุกเรื่องได้ด้วยตัวเองแน่นอน การจับมือกับพาร์ทเนอร์ที่มีเป้าหมายใก้เคียงและร่วมมือช่วยเติมเต็มกัน จึงเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่เราคิดว่าควรมีให้เห็นมากขึ้นในโลกธุรกิจ แล้วมันก็ดูจะเป็น win-win situation ที่ต่างคนต่างจะได้ใช้ความถนัดส่วนตัวและบรรลุเป้าหมายของตัวเองด้วย

อย่าง SC Asset ล่าสุดได้ผนึกกำลังกับพันธมิตรกว่าร้อยรายในการขับเคลื่อน SCero Mission ซึ่งมาช่วยกันเติมเต็มความเป็น green-well standard ทั้งในมิติ eco-friendly การใช้วัสดุและนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, energy efficiency การพัฒนาอสังหาฯ ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ, และ healthy living การออกแบบและเลือกใช้วัสดุเพื่อส่งเสริมสุขภาวะที่ดีต่อทั้งร่างกายและจิตใจของผู้คน

พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ หนึ่งในสินค้า green ที่ลดการตัดไม้ธรรมชาติ โดยนำแผ่นไม้เก่ามาใช้เป็นแผ่นรองด้านหลังแทน ประหยัดทรัพยากรและไม่กระทบต่อการใช้งาน
เหล็กเส้น ทาทา ทิสคอน ที่ผลิตจากเศษเหล็ก recycle 100% โดยนำมาหลอมใหม่ด้วยพลังงานไฟฟ้า
หลังคาคอนกรีตจาก SCG รุ่นซีแพค ที่ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ โดยหันมาใช้วัสดุรีไซเคิลในการผลิตอย่างน้อย 13%
 SCG ได้เพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยจะมีสัญลักษณ์ green choice ระบุบนผลิตภัณฑ์ เช่น ปูนงานโครงสร้าง เอสซีจี ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 
มีการแยกขยะอย่างมีระบบ โดยที่ผ่านมาได้ส่งขยะรีไซเคิลกลับสู่ระบบการผลิตแล้วกว่า 86,000 กิโลกรัม

ในวันที่โลกเปลี่ยน ธุรกิจจะปรับและรับมืออย่างไร?

วงเสวนา “Game Changers green Transitions พลิกโฉมธุรกิจ อสังหาฯ และอุตสาหกรรม สู่อนาคตไร้คาร์บอน” ในงานนี้ได้ชวนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และตัวแทนจากภาคการเงินมาร่วมวงคุยกันแบบสบาย ๆ แต่ได้ความรู้ไปเต็มอิ่มและเป็นตัวช่วยให้ผู้ประกอบการทั้งหลายได้ตั้งหลักรับมือกันได้อย่างง่ายขึ้น 

ท่ามกลางปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรง เราจะเห็นได้ว่าทั้งในประเทศไทยหรือทั่วโลกเริ่มมีการใช้มาตรการทางกฎหมายและด้านการเงินเข้ามาเป็นกลไกบังคับให้เกิดการเปลี่ยนแปลง คุณบุญรอด เยาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการบริษัท เดอะ ครีเอจี้ จำกัด อธิบายถึงสิ่งเหล่านี้ว่า สิ่งหนึ่งที่ผู้คนควรปรับมุมมองคือ ‘ความยั่งยืนควรเป็นเรื่องของทุกส่วนและอยู่ในทุกอาชีพ’ เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องปรับตัวเพื่อให้เข้ากับมาตรฐานที่โลกกำลังจะเปลี่ยนไป  เพราะสิ่งนี้ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของการรักษ์โลก การมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ในแต่อีกทางหนึ่งสิ่งนี้คือภาพกำไร ขาดทุน ที่จะกระทบกับธุรกิจของเราด้วยเช่นกัน 

ทั้งนี้ นายกิตติศักดิ์ พฤกษ์กานนท์ ตัวแทนจากกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ยกตัวอย่างให้เห็นง่าย ๆ ถึง CBAM กลไกภาษีคาร์บอนของสหภาพยุโรปที่เก็บจากผลิตภัณฑ์ที่มีการปล่อยคาร์บอนเข้มข้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกไปสหภาพยุโรปของผู้ประกอบการทั่วโลกแน่นอน ซึ่งแปลว่าในอนาคตธุรกิจต่าง ๆ จะต้องคำนึงถึงเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และจะต้องเก็บข้อมูลการปล่อยคาร์บอนของธุรกิจตัวเองให้เป็นมาตรฐานเพื่อให้สามารถชี้แจงได้และถูกตรวจสอบได้ ป้องกันการถูกตัดโอกาสในเชิงธุรกิจและเสี่ยงต่อการเสียค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นจากมาตรการด้านการปล่อยคาร์บอน

โดย ดร. วิชัย ณรงค์วณิชย์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย ตัวแทนในส่วนภาคการเงินก็ยังแนะนำไปในแนวทางเดียวกันว่าผู้ประกอบการควรเตรียมพร้อมรับมือในการเก็บข้อมูลด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของธุรกิจตนเอง และในปัจจุบันยังมีบริการต่าง ๆ ที่จะช่วยให้เราสามารถคำนวณข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น

การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้ ต้องส่งเสียงให้เสียงถึงผู้บริโภค

ก่อนจะจบวงสนทนากันไป คุณอุษณา จันทร์กล่ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิปซอสส์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยตลาดและสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภค ได้ขมวดปมทิ้งท้ายเอาไว้ว่า สิ่งหนึ่งที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ไวและเป็นวงกว้างมากขึ้นคือการที่ผู้ประกอบการทั้งหลายร่วมมือกันทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากขึ้นและส่งเสียงนั้นออกมาถึงผู้บริโภค เพื่อให้พวกเขารู้ว่าต้นทางเริ่มขยับแล้ว มีองค์กรต่าง ๆ ที่พร้อมจะลงมือเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน

เช่นเดียวกับคำพูดที่เราพูดไปต้นตอนว่า ‘ปัญหาสิ่งแวดล้อม แก้ด้วยคน ๆ เดียวไม่ได้’ เพราะฉะนั้นแล้ว การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้ก็ย่อมต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย รวมถึงเราเองในฐานะผู้บริโภคด้วยเช่นกัน เพื่อให้ ‘green collaboration’ การร่วมมือกันรับผิดชอบต่อโลกนั้นเกิดขึ้นได้จริงและเกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืนระยะยาว

Credit

Chayanit S.

เป็นคนกรุงเทพฯ ชอบเดินเที่ยวเมือง ฟังเพลงซ้ำ ๆ นั่งโง่ ๆ ดูคนคนใช้ชีวิต :-)