ไมโครพลาสติกอยู่ตรงไหนของร่างกายเราแล้วบ้าง? - EnvironmanEnvironman

ไมโครพลาสติกอยู่ตรงไหนของร่างกายเราแล้วบ้าง?

Microplastic is everywhere แม้แต่สมองหรือน้ำอสุจิ

ไมโครพลาสติก is everywhere! พลาสติกที่ทิ้งไม่ถูกที่และหลุดไปตามธรรมชาติ จนพลาสติกชิ้นใหญ่เหล่านั้นแตกตัวออกมากลายเป็นไมโครพลาสติกและนาโนพลาสติก แม้กระทั่งใน ‘สมอง’ ของเราก็มีไมโครพลาสติกอยู่ด้วย! ชวนมาสำรวจร่างกายมนุษย์ว่าตอนนี้โดนพลาสติกแทรกซึมถึงไหนแล้วบ้าง

หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า ‘ไมโครพลาสติก’ กันมาอยู่แล้ว ขอเล่าคร่าว ๆ อีกรอบหน่อยว่าเจ้าไมโครพลาสติกนี้คือ พลาสติกขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางอย่างมาก 5 มิลลิเมตร หรือ 0.5 เซนติเมตร (ซม.) เท่านั้น ขณะที่ ‘นาโนพลาสติก’ (Nanoplastics) คือ พลาสติกชิ้นเล็กลงไปอีก ขนาดประมาณ 0.001 – 0.1 ไมครอน ซึ่งที่มาของมันก็มาจากพลาสติกที่ทิ้งไม่ถูกที่และหลุดไปตามธรรมชาติ จนพลาสติกชิ้นใหญ่เหล่านั้นแตกตัวออกมากลายเป็นไมโครพลาสติกและนาโนพลาสติก

ปัจจุบันก็ได้มีงานทดลองและการวิจัยออกมามากมายที่ระบุว่า พลาสติกขนาดเล็กจิ๋วอย่างไมโครพลาสติกและนาโนพลาสติกได้ถูกค้นพบในแต่ละส่วนของอวัยวะภายใน นับตั้งแต่ชิ้นส่วนที่เราพอจะนึกออกอย่างปอดหรือลำไส้ ไปจนถึงส่วนที่ไม่คาดคิดอย่าง ‘น้ำอสุจิ’

รกเด็ก นี่เราเจอไมโครพลาสติกตั้งแต่เกิดเลยหรอ?

การศึกษาโดยศาสตราจารย์ Matthew Campen จาก University of New Mexico Health Sciences ก่อนหน้านี้เปิดเผยว่า มีการค้นพบไมโครพลาสติกอยู่ในรกทุกชิ้นที่ทำการตรวจสอบจากตัวอย่างรก 62 ตัวอย่างที่ได้รับบริจาค โดยมีความเข้มข้นแตกต่างกันอย่างมากตั้งแต่ 6.5 ถึง 790 ไมโครกรัมต่อเนื้อเยื่อหนึ่งกรัม 

โดยโพลีเมอร์ที่พบมากที่สุดคือ โพลีเอทิลีน ซึ่งเป็นสารประกอบของพลาสติก คิดเป็น 54% ของประเภทพลาสติกทั้งหมดที่ตรวจพบ นอกจากนั้นยังพบโพลีไวนิลคลอไรด์ (PVC) และไนลอน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของทั้งหมด ควบคู่ไปกับส่วนผสมของโพลีเมอร์อื่น ๆ อีก 9 ชนิด 

และสิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่งคือ เนื้อเยื่อรกเหล่านี้เป็นเนื้อเยื่อที่เติบโตขึ้นมาชั่วคราวในเวลา 8-9 เดือนที่ผู้หญิงตั้งครรภ์ แสดงว่าให้เห็นว่า แม้จะมีเป็นช่วงสั้น ๆ แต่ไมโครพลาสติกก็สามารถเข้าไปในเนื้อเยื่อได้อย่างรวดเร็ว

ปอด หายใจเข้าก็เห้อ ไมโคร หายใจออกก็เห้อ พลาสติก

งานวิจัยนี้ตีพิมพ์ลงในวารสารวิทยาศาสตร์ Total Environment ระบุว่า จากการเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อในปอดมนุษย์ 13 รายที่กำลังเข้าผ่าตัด มีการพบ ‘ไมโครพลาสติกลึกลงไปในปอดของมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นครั้งแรก’ จาก 13 รายพบว่า 11 รายมีไมโครพลาสติกขนาด 0.003 มิลลิเมตร ปนเปื้อนอยู่ภายในปอด ซึ่งพลาสติกส่วนใหญ่เป็นประเภท Polypropylene (PP) และ PET ที่เราใช้เป็นภาชนะและขวดน้ำพลาสติกกันในชีวิตประจำวัน 

ก่อนหน้านี้เคยมีการค้นพบแล้วว่ามีไมโครพลาสติกในปอดของมนุษย์ที่เสียชีวิตแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พบว่ามันอยู่ในปอดของมนุษย์ที่ยังมีชีวิต อีกทั้งอยู่ในส่วนลึกที่สุดของปอดซึ่งตอนแรกคาดว่าเป็นส่วนที่แคบเกินไปและมีลมผ่านจึงไม่น่ามีไมโครพลาสติกเข้าไปได้ 

การวิจัยนี้ยิ่งตอกย้ำว่า ไมโครพลาสติกสามารถเดินทางเข้าร่างกายเราผ่านระบบหายใจและตกค้างอยู่ภายในได้ ซึ่งเป็นสิ่งทำต้องศึกษาต่อถึงความเชื่อมโยงของมลภาวะทางอากาศที่รุนแรงขึ้นในปัจจุบันกับผลกระทบทางสุขภาพที่เราอาจมองไม่เห็น

ลำไส้ อาจทำลำไส้อักเสบ-ปนเปื้อนยันอุจจาระ

เคยเห็นมีมที่บอกว่า ‘ตอนไปซุปเปอร์มาเก็ต ถึงจะไม่รับถุงพลาสติกแต่คุณก็ได้รับพลาสติกไปอยู่ดี เพราะมันมีไมโครพลาสติกอยู่ในท้องของปลาด้วยแล้วยังไงล่ะ’ บ้างไหม? ผลวิจัยนี้จะทำให้ทุกคนได้เห็นภาพชัดขึ้น ก่อนหน้านี้ งานวิจัยจาก Tufts University มีงานวิจัยเก่าๆ รายงานว่าพบไมโครพลาสติกในลำไส้ของผู้ป่วยโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (IBD) แต่ยังไม่มีการศึกษาว่ามันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคได้หรือไม่ จนกระทั่งงานวิจัยนี้ได้ศึกษาจากการจำลองลำไส้สามมิติเพื่อดูว่าไมโครพลาสติกทำอะไรกับเซลล์ลำไส้ได้บ้าง 

งานศึกษานี้พบว่า เซลล์ต่างชนิดกันจะดูดซับพลาสติกในขนาดที่แตกต่างกันไป โดย Epithelial cells หรือเซลล์เยื่อบุที่เรียงรายตามผนังลำไส้ จะดูดซับนาโนพลาสติก ส่วน Microfold cells ที่มีบทบาทเรื่องภูมิคุ้มกันในลำไส้ จะดูดซับพลาสติกที่ขนาดใหญ่กว่าเข้าสู่เนื้อเยื่อลำไส้ โดยมีเฉพาะ Microfold cells เท่านั้นที่ได้รับความเสียหายในกรณีที่อนุภาคพลาสติกมีปริมาณความเข้มข้นสูง นักวิจัยจึงสรุปว่าความเสียหายนี้คือตัวบ่งชี้ว่าไมโครพลาสติกอาจสร้างบาดแผลในลำไส้ได้ อีกทั้งยังพบว่าหากนาโนพลาสติกที่สั่งสมใน Microfold cells มีความเข้มข้นสูง จะเกิดการกระตุ้นให้เซลล์หลั่งสารไซโตไคน์ (Cytokines) ที่อาจก่อให้เกิดโรคลำไส้อักเสบเรื้อรังได้ หากหลั่งออกมาผิดปกติ

นอกจากนั้น ยังมีผลการศึกษาจากนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งกรุงเวียนนาและสำนักสิ่งแวดล้อมของออสเตรีย ที่นำกลุ่มตัวอย่าง 8 คน ที่มีพฤติกรรมการบริโภคสัมผัสกับพลาสติก ดื่มน้ำจากขวด ทานอาหารที่ห่อด้วยพลาสติก บริโภคปลาทะเล และไม่เป็นมังสวิรัติ มาตรวจหาไมโครพลาสติกในอุจจาระ การศึกษาพบว่า มีไมโครพลาสติกอยู่ในอุจจาระของทุกคน พบพลาสติกที่ต่างกันสูงสุด 9 ชนิด ขนาดตั้งแต่ 50-500 ไมโครเมตร โดยพอลิโพรไพลีน (PP) และพอลิเอทิลีน (PET) มากที่สุด 

เนื้อเยื่อหัวใจ  หัวใจไม่ว่าง เพราะไมโครพลาสติกเป็นพันชิ้นจับจอง

หัวใจนี้ไม่เคยว่าง เพราะไมโครพลาสติกจับจองหมดแล้ว! มีการค้นพบ ‘ไมโครพลาสติกเป็นพันชิ้นในเนื่อเยื่อหัวใจ’ เป็นครั้งแรกในโลก งานวิจัยนี้มาจากโรงพยาบาลปักกิ่ง Anzhen ในประเทศจีนที่ได้เก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อหัวใจทั้งก่อนและหลังผ่าตัดจากผู้ป่วย 15 รายที่เข้ารับผ่าตัดหัวใจ

โดยรายงานระบุว่า ‘ได้ตรวจพบชิ้นส่วนไมโครพลาสติกหลายสิบถึงพันชิ้นในตัวอย่างเนื้อเยื่อส่วนใหญ่’ แม้จะมีไมโครพลาสติกบางส่วนที่เล็ดรอดเข้าไประหว่างการผ่าตัด แต่ผลตัวอย่างก่อนผ่าตัดก็ชี้ว่าเนื้อเยื่อหัวใจมีการปนเปื้อนอยู่แล้ว

ไมโครพลาสติกที่พบมี 9 ชนิด โดยอันที่พบเยอะคือ PET (ขวดน้ำดื่ม น้ำอัดลม) และ PVC (ใช้ทำฟิล์มห่ออาหาร รวมถึงของเล่น) ทีมวิจัยระบุว่ายังไม่ทราบถึงผลกระทบต่อร่างกายมนุษย์ และยังไม่รู้ว่าพวกมันเข้าไปในเนื้อเยื่อได้ยังไง ซึ่งยังคงต้องศึกษากันต่อไปว่าการพบไมโครพลาสติกเหล่านี้จะส่งผลโดยตรงกับการทำงานของอวัยวะภายในอย่างไรในระยะยาว

สมอง พลาสติกอยู่ในสมองเรา 0.5% โดยเฉพาะสมองส่วนหน้าที่ใช้คิด

‘สมอง 0.5% ของเราเป็นนาโนพลาสติก’ การศึกษาใหม่ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของ The National Library of Medicine กล่าวเช่นนั้น โดยทีมวิจัยได้ทำการวิเคราะห์ตัวอย่างการชันสูตรอวัยวะตับ ไต และเปลือกสมองส่วนหน้าของร่างผู้เสียชีวิตแล้วที่นำมาจากสำนักงานนิติเวชในเมืองอัลบูเตอร์คี รัฐนิวเม็กซิโกระหว่างปี 2016 ถึง 2024 เพื่อศึกษาเรื่องการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกในร่างกาย

“ความเข้มข้นที่เราพบในเนื้อเยื่อสมองของบุคคลทั่วไปอายุเฉลี่ยประมาณ 45 หรือ 50 ปีอยู่ที่ 4,800 ไมโครกรัมต่อกรัม หรือ 0.5% ตามน้ำหนัก”  Matthew Campen ศาสตราจารย์ด้านเภสัชศาสตร์ของ Regents ที่มหาวิทยาลัยนิวเม็กซิโกในเมืองอัลบูเคอร์คี กล่าว

พวกเขาพบว่าในช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมา มีระดับนาโนพลาสติกปนเปื้อนเพิ่มขึ้นในอวัยวะทุกส่วน โดยเฉพาะกับอวัยวะอย่างสมองที่พลาสติกชิ้นเล็ก ๆ สามารถผ่านด่านกั้นเลือดของเซลล์และไขมันเข้าไปสู่อวัยวะต่าง ๆ และความน่ากลัวกว่านั้นคือ มีการค้นพบว่าพลาสติกได้เข้าไปปนเปื้อนในเนื้อเยื่อสมองส่วนหน้า ซึ่งเป็นส่วนที่รับผิดชอบกับการคิดและการใช้เหตุผล 

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยอีกชิ้นจากประเทศออสเตรียและประเทศฮังการีที่พบว่า ไมโครพลาสติกและนาโนพลาสติก (MNPs) สามารถไปอยู่ในสมองได้ภายใน 2 ชั่วโมงหลังเข้าสู่ร่างกายในหนูทดลอง จึงนำมาสู่การตั้งคำถามต่อการปนเปื้อนสู่สมองของคนว่าอาจรวดเร็วเหมือนกันหรือไม่

ขั้นตอนการทดลองพบว่าไมโครพลาสติกและนาโนพลาสติกได้เข้าสู่สมองหลังผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น โดยมันสามารถผ่านแนวป้องกันของเซลล์ที่คอยกันไม่ให้เชื้อโรคและแบคทีเรียเข้าไปสู่สมองได้ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ไม่เคยมีใครทราบมาก่อนในวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ และมันเกาะเข้าไปกับโมเลกุลคอเลสเตอรอลบนผิวของเซลล์ จากนั้นก็เข้าไปสู่สมอง ไหลเวียนไปในเส้นเลือดตามร่างกาย

อัณฑะ แหล่งไหลเวียนเลือดสูงที่ยังไงก็เสี่ยงปนเปื้อนสูงไปด้วย

มีการค้นพบว่ามีไมโครพลาสติกในองคชาตนั้น เกิดขึ้นจากที่มีการตรวจพบมลพิษในอัณฑะและน้ําอสุจิเมื่อเร็ว ๆ นี้ การศึกษานั้นที่ทดสอบในหนูรายงานว่าไมโครพลาสติกมีส่วนลดจํานวนอสุจิและทําให้เกิดความผิดปกติในฮอร์โมนเพศชาย

นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาอวัยวะเพศของเพศชาย 5 คนที่เข้ามาผ่าตัดแก้ปัญหาน้องชายไม่แข็งตัว และพบจาก 4 ใน 5  มีไมโครพลาสติกในองคชาต ที่อาจมาจากเลือด มีขนาดตั้งแต่ 0.5 มม. ไปจนถึง 0.002 มม. ซึ่งมนุษย์รับไมโครพลาสติกผ่านการกิน ดื่ม และหายใจ ทำให้อวัยวะเพศชายที่มีการไหลเวียนของเลือดสูงเลยเสี่ยงปนเปื้อนด้วยไมโครพลาสติกไปด้วย

 “องคชาตเป็นอวัยวะที่มีหลอดเลือดและเป็นรูพรุน ดังนั้น จึงมีความเสี่ยงอย่างแน่นอน และในช่วงที่แข็งตัว อวัยวะเพศต้องการฮอร์โมน การทำงานของเส้นประสาท และปริมาณเลือดจำนวนมาก รวมถึงเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อมาช่วยให้แข็งตัวสำเร็จด้วย 

ซึ่งเราพบว่าไมโครพลาสติกมีอยู่ในกล้ามเนื้อเรียบของอวัยวะเพศชาย ทั้งหมดที่เรารู้คือพวกมันไม่ควรอยู่ที่นั่น และเราสงสัยว่ามันอาจนําไปสู่ความผิดปกติของกล้ามเนื้อเรียบ” Dr Ranjith Ramasamy เผย

ทั้งนี้ อนุภาคพลาสติก PET และพลาสติกโพรพิลีนเป็นที่พบมากที่สุดในตัวอย่างอวัยวะเพศชาย และพลาสติกเหล่านี้มักใช้ในบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มและของใช้ประจําวันอื่นๆ

น้ำอสุจิ สุขภาพดีแค่ไหนก็เสี่ยงน้ำอสุจิลดลงได้ 

มีการพบไมโครพลาสติกใน ‘น้ำอสุจิ’ ทุกตัวอย่างที่นักวิจัยทดสอบ ก่อนหน้านี้ ทีมนักวิทยาศาสตร์ด้านสาธารณสุขในประเทศจีนได้ทำการศึกษาตัวอย่างสเปิร์มที่ได้รับจากชายที่มีสุขภาพดี 36 คน และพวกเขาพบว่าทุกคนต่างปนเปื้อนไปด้วยไมโครพลาสติก ทีมวิจัยจากจีนจึงตั้งสมมติฐานว่า มลพิษพลาสติกเหล่านี้อาจอยู่เบื้องหลังการลดลงของปริมาณน้ำอสุจิในเพศชายทั่วโลก 

มีการเริ่มต้นด้วยการศึกษาในกลุ่มขนาดเล็กก่อน ทีมงานได้คัดเลือกชายวัยผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีจำนวน 36 คนที่อยู่อาศัยในเมืองจี่หนาน ทางตะวันออกของจีน ซึ่งไม่ได้ทำงานในอุตสาหกรรมพลาสติก แต่ละตัวอย่างจะถูกนำไปผสมกับสารละลายทางเคมี แล้วกรองเอาสิ่งที่เหลืออยู่ออกไปตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์ ผลลัพธ์ที่ได้พบว่าทุกตัวอย่างมีไมโครพลาสติกอยู่ในนั้น 

“การปนเปื้อนของมลพิษพลาสติกเหล่านี้ในวงกว้างอยู่ในระดับที่น่าตกใจ” รายงานระบุ “พวกมันอาจเป็นสาเหตุหลักที่สร้างผลกระทบต่อสุขภาพการเจริญพันธุ์ของผู้ชาย” 

ไมโครพลาสติกส่วนใหญ่เป็นโพลิสไดรีน (polystyrene) ที่เป็นวัสดุใช้ผลิตบรรจุภัณฑ์โฟม และอีกชนิดเป็นโพลีไวนิลคลอไรด์ (PVC) ซึ่งเป็นพลาสติกที่ใช้กันทั่วไปในโลก แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น พวกเขาพบว่า PVC ดังกล่าวทำให้ตัวสเปิร์มเคลื่อนที่ได้ช้าลงและน้อยลง ซึ่งมีผลต่อประสิทธิภาพในการตั้งครรภ์

ทีมวิจัยคาดการณ์ว่า นี่อาจเป็นสาเหตุเบื้องหลังที่ทำให้คนที่อยากมีลูกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา  สามารถมีได้น้อยลงหรือมียากขึ้น ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก พวกเขายังกังวลถึงเรื่องที่ใหญ่กว่าคือ ไมโครพลาสติก ‘อาจ’ สร้างความเสียหายให้กับพันธุกรรมที่ส่งต่อไปยังลูก ทีมงานเรียกร้องให้ทั่วโลกตรวจสอบและลดการใช้พลาสติกให้เร็วที่สุด

ถุงรังไข่  ของเหลวในถุงรังไข่ปนเปื้อนอาจส่งผลต่อการพัฒนาไข่

รังไข่ถือเป็นหนึ่งในอวัยวะสืบพันธุ์ที่สำคัญของผู้หญิง ซึ่งจะนำไปสู่การปฏิสนธิกับสเปิร์มที่เข้ามาแล้วก่อกำเนิดเป็นตัวอ่อน แต่ไข่ดังกล่าวจะอยู่ในสภาวะที่พร้อมพัฒนาได้นั้นจะต้องพึ่งพาสิ่งหนึ่ง นั่นคือ “ของเหลวในถุงไข่ของรังไข่มนุษย์” ที่จะคอยให้สารอาหารที่จำเป็นและสัญญาณทางชีวเคมีสำหรับการพัฒนาไข่ต่อไป แต่วิจัยกลับพบการรุกรานของสารปนเปื้อนที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ในระบบสืบพันธุ์ของเพศหญิง

ตามรายงานใหม่ที่เผยแพร่บนวารสาร Ecotoxicology and Environmental Safety ระบุว่า มีการพบไมโครพลาสติกในของเหลวถุงรังไข่ของผู้หญิงเป็นครั้งแรก โดยได้ตรวจหาไมโครพลาสติกจากของเหลวในถุงไข่ของรังไข่มนุษย์ 18 คนที่เข้ารับการรักษาเกี่ยวกับการเจริญพันธุ์ในประเทศอิตาลี และพบว่า 14 คนในนั้นมีไมโครพลาสติกปนเปื้อนอยู่

ก่อนหน้านี้มีรายงานจำนวนมากระบุว่าไมโครพลาสติกนั้นมีสารพิษอย่าง PFAS (สารเพอร์และโพลีฟลูออโรอัลคิล) สารเคมีตลอดกาลที่แฝงอยู่ในสินค้าอุปโภคบริโภคหลายชนิด , บิสฟีนอล (Bisphenol) สารที่ใช้ผลิตพลาสติกและสารเคลือบ และพาทาเลต (phthalates) ที่มักพบในพลาสติก PVC ซึ่งทั้งหมดมีความเชื่อมโยงกับโรคมะเร็ง เป็นพิษต่อระบบประสาท ทำให้ฮอร์โมนหยุดชะงัก และเป็นพิษต่อพัฒนาการ ยิ่งกว่านั้นยังพบว่าไมโครพลาสติกสามารถทะลุผ่านชั้นกั้นสมองและชั้นกั้นทารกได้ด้วย 

ผลการศึกษาและงานวิจัยเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าในปัจจุบันไมโครพลาสติกได้เข้าสู่ร่างกายมนุษย์มากขึ้น ปนเปื้อนไปสู่ระบบภายในมากมายและมีปริมาณมากขึ้น 

แม้จะยังไม่มีผลการศึกษาที่เป็นบทสรุปหลัก แต่นักวิทยาศาสตร์หลายคนก็กังวลไปแนวทิศทางเดียวกันว่าไมโครพลาสติกอาจส่งผลกระทบต่อมนุษย์ โดยอาจไปทำลายเซลล์ภายในและก่อโรคในระยะยาวได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ยังมีข่าวร้ายที่ยิ่งใหญ่กว่าคือ ไมโครพลาสติกและนาโนพลาสติกอยู่ในทุกที่รอบตัวและอยู่ในทุกสิ่งที่เราดื่ม เราบริโภค จึงไม่มีทางเลยที่เราจะหลีกหนีมลพิษจากพลาสติกเหล่านี้ที่มนุษย์เป็นคนก่อด้วยมือตัวเอง

อ้างอิง

Earth : Microplastics discovered in every human placenta tested after birth

ScienceDirect : First evidence of microplastics in human ovarian follicular fluid: An emerging threat to female fertility

ScienceDaily : Microplastics found in human heart tissues, both before and after surgical procedures

The Guardian : Microplastic discovery in penises raises erectile dysfunction questions

ScienceAlert : Microplastics May Pose a Serious Danger to The Intestine

ScienceDirect : Detection of microplastics in human lung tissue using μFTIR spectroscopy

The Guardian : Microplastics are infiltrating brain tissue, studies show: ‘There’s nowhere left untouched’

Credit

Chayanit S.

เป็นคนกรุงเทพฯ ชอบเดินเที่ยวเมือง ฟังเพลงซ้ำ ๆ นั่งโง่ ๆ ดูคนคนใช้ชีวิต :-)