“Clean Beauty” คืออะไร? แล้วทำไมถึงครองใจคนรุ่นใหม่สายกรีนมากกว่า

โจทย์ความงามที่เปลี่ยนไป เมื่อคนใส่ใจทั้งสุขภาพ โลก และความโปร่งใส

ในช่วงหลายที่ผ่านมา “Clean Beauty” ได้กลายเป็นเทรนด์ที่เป็นที่นิยมมากขึ้นในแวดวงความงาม ท่ามกลางพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทั้งการใส่ใจสุขภาพ การหันมาให้ความสำคัญต่อเรื่องความยุติธรรมต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมจนเกิดเป็นการเลือกซื้อสินค้าอย่างมีจุดยืน แล้วอะไรทำให้ Clean Beauty ตอบโจทย์สิ่งเหล่านี้ได้มากกว่าผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติหรือผลิตภัณฑ์กลุ่มกรีนอื่น ๆ มาทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กัน

[ Clean Beauty คืออะไร? แล้วต่างจาก Organic  Beauty ไหม? ]

Clean Beauty คือผลิตภัณฑ์ความงามและสกินแคร์ที่ยึดหลักดีต่อตัวเองและดีต่อโลก โดยใช้ส่วนผสมที่ปลอดภัย ปราศจากสารอันตราย เช่น พาราเบน ซัลเฟต ฟอร์มัลดีไฮด์ ฯลฯ , เป็นแบรนด์ที่มีกระบวนการที่โปร่งใสและเปิดเผยข้อมูลอย่างชัดเจน, เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และต้องไม่มีการทดลองในสัตว์ (cruelty-free)

Clean Beauty มีความต่างจาก Organic Beauty โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของส่วนผสมที่ Clean Beauty จะเน้นเรื่องความปลอดภัยต่อสุขภาพ โดยส่วนผสมอาจจะเป็นส่วนผสมจากธรรมชาติหรือสารสังเคราะห์ที่ปลอดภัยก็ได้ ในขณะที่ Organic Beauty จะเป็นผลิตภัณฑ์จากส่วนผสมเกษตรอินทรีย์ที่เน้นเรื่องปลอดสารเคมีที่ตกค้าง แต่แม้จะเน้นเรื่องการปลอดสารก็ไม่ได้แปลว่าจะปลอดภัยเสมอไปเพราะบางคนอาจแพ้สารธรรมชาติได้ รวมถึงข้อการันตีอื่น ๆ ของผลิตภัณฑ์กลุ่ม Clean Beauty ที่จะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ตัวบรรจุภัณฑ์ที่ลดใช้พลาสติก การลดคาร์บอนฟุตพรินท์ในกระบวนการ รวมถึงการไม่ทดลองในสัตว์

[ อะไรเป็นสาเหตุที่เทรนด์ Clean Beauty ที่โตขึ้นในตลาดทั่วโลก? ]

การใส่ใจสุขภาพที่เพิ่มขึ้น 

Krungthai COMPASS ระบุว่าปัจจุบันตลาด Clean Beauty ทั่วโลก มีมูลค่าประมาณ 6-7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีโอกาสขยายตัวต่อเนื่องขึ้นไปแตะระดับ 14.98 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5.09 แสนล้านบาท) เติบโตเฉลี่ยปีละ 12.7% (CAGR ปี 2564-2571) เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัว ในระยะเวลา 7 ปี 

โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากการที่พฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยมากขึ้น และผู้บริโภคบางส่วนยังให้ความสนใจเลือกใช้สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งนับเป็นจุดเด่นสำคัญของเครื่องสำอางกลุ่ม Clean Beauty

จากคุณสมบัติของ Clean Beauty ทั้ง 4 ข้อ ตั้งแต่เรื่องส่วนผสมที่ปลอดภัย, การเปิดเผยข้อมูลและมีกระบวนการที่โปร่งใส, การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และต้องไม่มีการทดลองในสัตว์ สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนที่หันมาตระหนักถึงผลกระทบต่อสุขภาพจากผลิตภัณ์บำรุงผิวมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงอย่างผื่นคัน อาการแพ้ หรือผลรุนแรงในระยะยาวจากส่วนผสมที่ยังไม่ปลอดภัย 

การตระหนักปัญหาสิ่งแวดล้อม

เมื่อการใส่ใจเรื่องสุขภาพและโลกเพิ่มมากขึ้น ผู้คนก็ต้องการสนับสนุนแบรนด์ที่จะตอบโจทย์ความต้องการทั้ง 2 ข้อนี้ได้ ฟีลว่า อย่างน้อยก็สบายใจว่าสิ่งที่เราใช้บนผิวนั้นไม่ได้มาจากการทำร้ายโลกนัก  ซึ่ง Clean Beauty ก็มาตอบโจทย์ในหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นยืดหยุ่นต่อส่วนผสมที่ใช้มากขึ้น เช่น เลือกสารสังเคราะห์ที่ปลอดภัย ซึ่งการใช้สารสังเคราะห์ก็อาจประหยัดน้ำมากกว่าการพึ่งพาการปลูกอินทรีย์แบบออร์แกนิค หรือการให้ความสำคัญกับการใช้บรรจุภัณฑ์รีไซเคิลได้ 

ความ “ยืดหยุ่น” ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงเหล่านี้ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าพวกเขาสามารถเปลี่ยนมาใช้สิ่งที่ลดผลกระทบต่อโลกได้โดยที่ไม่ต้องเสียสละคุณภาพที่ควรจะได้รับมากนัก และเป็นการสื่อสารทางการตลาดที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าโดยการระบุไปเลยว่า ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ไม่มีสารพิษอันตราย

อย่างในร้านค้า Sephora เองก็มี การระบุ “Clean at Sephora” ในกลุ่มผลิตภัณ์ที่มีสูตรส่วนผสมซึ่งทั้งเป็นไปตามมาตรฐานที่บังคับทั่วไป และหลีกเลี่ยงส่วนผสมบางชนิด (อาทิ ซัลเฟต พาราเบน พาทาเลต และอื่น ๆ) 

(*แต่จะนิยามเพียงการไร้สารอันตรายเท่านั้น ไม่รวมถึงเรื่องของการไม่ทดลองกับสัตว์, ออร์แกนิค, มีความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากแต่ละผลิตภัณฑ์ถูกรับรองจากแหล่งที่มาอิสระซึ่งเซโฟราไม่มีความเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งอาจยากต่อการตรวจสอบย้อนกลับ) 

ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในนิยาม Clean Beauty ของ Sephora เช่น แบรนด์ CAUDALIE แบรนด์สกินแคร์ฝรั่งเศสที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Clean at Sephora มีจุดเด่นในการใช้ส่วนผสมธรรมชาติจาก ‘องุ่น’ และปราศจากส่วนผสมที่ระคายเคือง มีจุดยืนด้านความยั่งยืนโดยลดการใช้พลาสติกในแพคเกจจิง และบรรจุภัณฑ์ขวดทำมาจากพลาสติกรีไซเคิล 100%

[ ไม่ใช่ทุก Clean Beauty ที่จะคลีน แล้วอะไรคือข้อท้าทาย?]

แน่นอนว่าคำว่ายั่งยืน สะอาดใด ๆ มักตามมาด้วยข้อหา Washing ประเด็นหนึ่งที่ถูกพูดถึงใน BBC Future คือเรื่องของส่วนผสมบางตัวที่อันตรายต่อผิวและสิ่งแวดล้อมแต่ยังถูกใช้อยู่ เช่น Acrylates/C10‑30 Alkyl Acrylate Crosspolymer ซึ่งมักใช้ในมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อให้เนื้อสัมผัสดีขึ้น ไม่เป็นอันตรายต่อผิว แต่ยังเกิดข้อถกเถียงว่าเป็นไมโครพลาสติกหรือไม่ รวมถึงการทดลองกับสัตว์ที่ถูกต่อต้านในปัจจุบัน ตามข้อมูลของ Leaping Bunny ระบุว่า แม้หลายแบรนด์จะประกาศว่าไม่ได้ทดสอบกับสัตว์ แต่บางแบรนด์ก็กลับมีการทดลองดังกล่าวกับบุคคลที่สามแทนในบางขั้นตอน 

การตรวจสอบย้อนกลับทั้งกระบวนการของผลิตภัณฑ์ยังเป็นสิ่งที่ทำได้ยากเพราะยังไม่มีมาตรฐานกลางในการรับรองเหมือนกับสินค้า Organic Beauty ก็อาจทำให้เกิด Green Washing หรือการแอบอ้างรักษ์โลกได้เช่นกัน 

[ แล้วสุดท้ายผู้บริโภคแบบเราจะทำอะไรได้บ้าง? ]

แม้จะเป็นสินค้าที่ระบุว่ากรีน ออร์แกนิค และคลีนมากแค่ไหน แต่สิ่งสำคัญคือการสำรวจตัวเองว่าแพ้ส่วนผสมชนิดไหนหรือไม่ เพราะแม้แต่ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติก็อาจทำปฏิกริยากับร่างกายได้ รวมถึงสารสังเคราะห์ที่ถูกระบุว่า ‘ปลอดภัย’ ก็อย่าลืมเสิร์ชหาข้อมูลก่อนซื้อทุกครั้งว่าตรงกับประเภทผิวหน้าเราหรือไม่ เพื่อป้องการการแพ้และเกิดผลลัพธ์ที่ดี

ส่วนใครที่อยากมั่นใจว่าเราได้เป็นส่วนหนึ่งในการลดผลกระทบต่อโลกและต่อต้านการทารุณในสัตว์ ลองมองหาแบรนด์ที่ได้รับการรับรองจาก Leaping Bunny ซึ่งเป็นมาตรฐานที่รับประกันว่าไม่มีการทดลองกับสัตว์ในทุกขั้นตอนของการพัฒนา ตั้งแต่ซัพพลายเออร์วัตถุดิบไปจนถึงขั้นตอนการผลิตขั้นสุดท้าย และมองหาแบรนด์ที่แสดงความโปร่งใสในการขั้นตอนการผลิตและเปิดเผยวัตถุดิบที่เลือกใช้จริง ๆ หรือดีที่สุดก็ลองหันมาเลือกอุดหนุนผลิตภัณฑ์คนไทยหรือแบรนด์ท้องถิ่นเพื่อกระจายรายได้และลดคาร์บอนฟุตพรินท์จากการขนส่งก็ได้เช่นกัน

ท้ายที่สุด การแบ่งประเภทเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะทำให้เราหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการเราได้ง่ายขึ้น แต่ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ยังคงต้องทำหน้าที่มีวิจารณญาณก่อนซื้อไม่ว่าจะกับผลิตภัณฑ์ชนิดไหนก็ตาม เพื่อให้มั่นใจว่าการบริโภคของเราจะส่งผลเสียต่อโลกและสังคมน้อยที่สุด และในขณะเดียวกันก็จะเกิดผลประโยชน์ต่อตัวเราสูงสุดด้วย

อ้างอิง

Firster : มารู้จัก Clean Beauty เทรนด์มาแรงในวงการสกินแคร์

Tatler Asia : Is the “clean cosmetics” beauty trend really clean?

Health, Beauty & Nutrition : Clean beauty : a real trend or a temporary fad?

BBC : Untraceable ingredients and unrecycled packaging: Why sustainable skincare is so hard to find

Sephora : FAQ: Clean At Sephora คืออะไร?

Credit

Chayanit S.

เป็นคนกรุงเทพฯ ชอบเดินเที่ยวเมือง ฟังเพลงซ้ำ ๆ นั่งโง่ ๆ ดูคนคนใช้ชีวิต :-)