ย้อนกลับไปนับตั้งแต่การรุกรานยูเครนอย่างเต็มตัวจากรัสเซียภายใต้การนำของวลาดีมีร์ ปูติน เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2022 จนถึงปัจจุบัน ฝ่ายยูเครนได้รับการสนับสนุนจากประเทศฝั่งตะวันตกไม่ว่าจะเป็นสหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกาภายใต้รัฐบาลของโจ ไบเดน แต่เมื่อสหรัฐฯ ก้าวเข้าสู่ยุคของประธานาธิบดีคนใหม่อย่างโดนัลด์ ทรัมป์ เขากล่าวว่า ‘จะไม่มีการช่วยเหลือแบบฟรี ๆ’ สำหรับการสนับสนุนยูเครนอีกต่อไป จึงเป็นจุดสำคัญที่นำไปสู่ “ข้อตกลงแร่แรร์เอิร์ธ” ที่มีใจความว่า สหรัฐฯ จะช่วยเหลือหรือการันตีความปลอดภัยให้กับยูเครน แลกกับการที่สหรัฐฯ จะต้องเข้าถึงการขุดเจาะแร่ในยูเครนได้
แต่ล่าสุด ในการพบกันของทรัมป์และเซเลนสกี ประธานาธิบดีแห่งยูเครน ที่ทำเนียบขาวได้กลายเป็นภาพถกเถียงกันดุเดือด โดยประเด็นที่สำคัญคือเซเลนสกียังคงถามถึงคือ ‘การรับประกัน’ จากสหรัฐฯ ที่จะช่วยคุ้มกันยูเครน เพราะหากย้อนไปก่อนหน้านี้ จะพบว่ารัสเซียก็เคยแหกสัญญาเจรจาหยุดยิงที่เคยทำร่วมกันมาแล้ว แต่ท้ายที่สุด การเจรจาระหว่างทรัมป์และเซเลนสกีเป็นไปอย่างดุเดือดและตึงเครียด ก่อนที่การเจรจาแร่แรร์เอิร์ธครั้งแรกนี้จะล้มเหลวลง
จนล่าสุด (4 มีนาคม) ฝั่งสหรัฐฯ ได้มีคำสั่งระงับความช่วยเหลือด้านการทหารกับยูเครนชั่วคราว เพื่อเป็นการทบทวนหากแนวทางนี้จะสามารถนำไปสู่สันติภาพได้
โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงต้องการให้ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนลงนามในดีล และสร้างสันติภาพกับรัสเซีย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังไม่มีการรับประกันด้านความมั่นคงปลอดภัยให้กับยูเครน

ชวนมาทำความเข้าใจตัวการสำคัญอย่างแร่แรร์เอิร์ธ แร่นี้คืออะไร และเหตุใดจึงเป็นตัวประกันสำคัญในการเจรจายุติสงครามยูเครน – รัสเซีย?
แร่ธาตุแรร์เอิร์ธในยูเครนคืออะไร?
แร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earths : REEs) คือกลุ่มแร่ธาตุหายาก 17 ชนิด ได้แก่ สแกนเดียม (Sc) อิตเทรียม (Y) แลนทานัม (La) ซีเรียม (Ce) เพรซีโอดิเมียม (Pr) นีโอดิเมียม (Nd) โพรมีเทียม (Pm) ซาแมเรียม (Sm) ยูโรเพียม (Eu) แกโดลิเนียม (Gd) เทอร์เบียม (Tb) ดิสโพรเซียม (Dy) โฮลเมียม (Ho) เออร์เบียม (Er) ทูเลียม (Tm) อิตเทอร์เบียม (Yb) ลูทีเซียม (Lu)
ด้วยความที่แร่ธาตุเหล่านี้อยู่กระจัดกระจายบนพื้นเปลือกโลก การจะนำมาใช้ประโยชน์จึงต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการขุดหาและเข้าสู่กระบวนการแปรรูป
สำหรับแร่ธาตุอื่น ๆ ที่สำคัญทั้งหมด ข้อมูลจากสำนักข่าวรัสเซียของสหประชาชาติ ระบุว่าคิดเป็นประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ของอุปทานทั่วโลกในปี 2022 รวมถึงข้อมูลจากกระทรวงเศรษฐกิจของยูเครน ระบุว่า ยูเครนมีแร่ธาตุทั้งหมด 22 ชนิด จาก 34 ชนิดที่สหภาพยุโรปจัดให้เป็นแร่ธาตุสำคัญ ได้แก่ โลหะมีค่าและอโลหะอย่างเฟอร์โรอัลลอยแร่ธาตุอื่น ๆ เช่น ไททาเนียม เซอร์โคเนียม กราไฟต์ และลิเธียม ซึ่งแร่สำคัญอย่างลิเธียมในยูเครนถือเป็นแหล่งแร่สำรองที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป
แร่ธาตุเหล่านี้อยู่ที่ไหนบ้างในยูเครน?
ก่อนการรุกรานของรัสเซียในปี 2022 ยูเครนได้จดทะเบียนแหล่งแร่ธาตุไว้ทั้งหมด 20,000 แห่ง ได้รับการตรวจสอบแล้ว 8,700 แห่ง โดยในบรรดาชนิดโลหะและแร่ธาตุที่พบนี้ครอบคลุมการใช้งานทั่วโลกกว่า 117 ชนิดจาก 120 ชนิด
แร่ธาตุส่วนมากจะกระจายอยู่ในเขตเมือง Luhansk, Donetsk, Zaporzhizhia, Dnipropetrovsk, Korovohrad, Poltava และ Kharkiv ซึ่งบางส่วนถูกรัสเซียยึดเอาไว้ในปัจจุบัน และคาดว่าครอบครองพื้นที่ที่มีโลหะอยู่กว่าถึง 40%
โดยเฉพาะแร่แรร์เอิร์ธอันเป็นที่ต้องการ ส่วนมากอยู่ในพื้นที่เขตภูมิภาคโดเนตสก์ (Donetsk) และลูฮานสก์ (Luhansk) ทางตะวันออกของยูเครนที่ติดกับประเทศรัสเซีย และถูกยึดโดยรัฐบาลของปูตินในปัจจุบัน
ทำไมสหรัฐฯ ถึงอยากได้แร่แรร์เอิร์ธในยูเครน ?
แร่หายากกลายเป็นที่ต้องการเนื่องจากมันสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการผลิตได้ในหลายภาคอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีป้องกันประเทศอย่าง ขีปนาวุธ รถถัง ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า เทคโนโลยีอย่างคอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ สมาร์ทโฟนในชีวิตประจำวัน รวมถึงยูเครนยังมีแร่ธาตุมากกว่า 20 ชนิด จาก 50 ชนิด ที่อยู่ในความต้องการของสหรัฐฯ เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด
อีกหนึ่งบทบาทสำคัญคือการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีพลังงานสะอาดที่มีความต้องการเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน ทั้งกระบวนการผลิตพลังงานลม, พลังงานแสงอาทิตย์, และ รถยนต์ไฟฟ้า เช่น Neodymium และ Dysprosium มีส่วนในการผลิตแม่เหล็กแรงสูงที่ใช้ในกังหันลมเพื่อผลิตพลังงานลม
รวมถึงแร่ Lanthanum (La) และ Nickel (Ni) ที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่แบบ NiMH (Nickel-Metal Hydride) สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์ไฮบริด และธาตุหายากบางชนิด เช่น Terbium, Europium ถูกใช้ในการพัฒนาแผงเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพนการเปลี่ยนพลังงานแสงเป็นพลังงานไฟฟ้าและเพิ่มอายุการใช้งาน

นอกเหนือจากความหายากตามชื่อ แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) ของแร่ธาตุนี้ที่ซ่อนตัวอยู่ทั่วโลก คือความยากในกระบวนการแปรรูปและการกลั่นอย่างละเอียดที่ในปัจจุบัน จีนเป็นผู้ครองห่วงโซ่อุปทานนี้
ในปัจจุบัน จีนเป็นชาติที่มีการผลิตแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) มากที่สุดถึง 80% ของกำลังผลิตทั่วโลก และมีแหล่งแร่สำรองคิดเป็น 35% ทำให้ในปัจจุบันจีนยังคุมความได้เปรียบทั้งในแง่การครอบครองทรัพยากรและการมีเทคโนโลยีที่ใช้ถลุงแร่ได้
และตอนนี้สหรัฐฯ ยังคงต้องนำเข้าแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) จากจีนกว่า 80% ของทั้งหมดที่มี จึงเห็นได้ชัดว่า การที่สหรัฐฯ ต้องการแร่ธาตุหายากในยูเครนก็อาจเป็นไปเพื่อต้องการลดการพึ่งพาจากจีน ซึ่งเป็นผู้ควบคุมแหล่งแร่หายากและเป็นผู้ควบคุมกระบวนการผลิตทั้งหลายเอาไว้
จากแร่ธาตุสู่การชี้เป็นชี้ตายสงครามการค้าทั่วโลก
นโยบายหนึ่งที่เห็นได้ชัดจากการขึ้นสู่ตำแหน่งของโดนัลด์ ทรัมป์ คือการประกาศนโยบายตั้งกำแพงภาษีกับหลายประเทศ ซึ่งอาจเป็นการใช้มาตรการทางการค้าบีบประเทศอื่นในการเจรจาเรื่องสงคราม การปกครอง เหมือนที่เห็นจากกรณีที่โดนัลด์ ทรัมป์ ได้พูดกล่าวถึงแคนาดา เม็กซิโก และจีนว่าสหรัฐฯ อาจขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศเหล่านี้
คำถามต่อมาคือ หากลดการพึ่งพาทรัพยากรจากประเทศเหล่านี้แล้วสหรัฐฯ จะหันไปพึ่งใคร? มีการตั้งข้อสังเกตว่า การยื่น ‘Minerals deal’ หรือการเจรจาให้ความคุ้มครองกับยูเครนแลกกับสิทธิในการเข้าถึงแร่แรร์เอิร์ธในยูเครนของสหรัฐฯ นี้ก็อาจเป็นไปเพื่อให้บริษัทในสหรัฐฯ สามารถใช้ทรัพยากรเหล่านี้ผลิตสินค้าด้วยตัวเองได้ ลดการพึ่งจากจีน และสร้างการแข่งขันในตลาดพลังงานสะอาด รวมถึงพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ได้
นอกจากนี้ ยังมีทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ ที่เข้ามามีบทบาทในสงครามรัสเซีย-ยูเครน เช่น โลหะ อะลูมิเนียม ในยูเครนและในรัสเซียเอง ท่าทีของโดนัลด์ ทรัมป์ และวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ดูจะมีความร่วมมือที่ดีต่อกันมากขึ้น และสหรัฐฯ อาจพิจารณายกเลิกการคว่ำบาตรรัสเซียที่เกิดขึ้นตั้งแต่รัฐบาลของโจ ไบเดน ในปี 2022 จากกรณีที่รัสเซียบุกยูเครน รวมถึงคำพูดของปูตินที่ได้กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า “เราพร้อมที่จะทำงานร่วมกับพันธมิตรของเรา รวมถึงสหรัฐฯ เพื่อเข้าถึงแหล่งสำรองแร่ธาตุ รวมถึงในยูเครนที่ถูกรัสเซียยึดครอง” และยังระบุว่ารัสเซียสามารถกลับมาขายอะลูมิเนียมให้กับสหรัฐฯ อีกครั้งด้วย
จึงเป็นที่น่าสนใจว่า นี่อาจเป็นการเปลี่ยนขั้วการค้าใหญ่ของโลกหรือไม่ เมื่อสหรัฐฯ อาจตั้งกำแพงต่อพันธมิตรการค้าเดิม และหันมาจับมือกับ ‘รัสเซีย’ เพื่อพึ่งพาการค้าแบบใหม่ และบีบให้มหาอำนาจขั้วอื่นอย่างจีน สหภาพยุโรป หรือประเทศเพื่อนบ้าน กลายเป็นคู่แข่งทางการค้าใหม่ขึ้นมา
รวมถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมโดยตรงที่จะเกิดจากการขุดเจาะทรัพยากรที่เพิ่มขึ้น ด้วยความซับซ้อนในการขุดเจาะแร่และแปรรูปที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและใช้พลังงานไฟฟ้ามหาศาลเพื่อบด แยก และทำให้แร่บริสุทธิ์ ทำให้เกิดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลเพื่อใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงการทำลายพื้นที่ธรรมชาติเพื่อขุดเจาะแร่หายาก ทั้งพื้นที่ป่า ที่อยู่อาศัยของสัตว์ อันนำไปสู่การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และการปนเปื้อนของสารเคมีต่อพื้นที่บริเวณนั้นที่จะส่งผลเสียต่อสิ่งมีชีวิตและทำลายระบบนิเวศในระยะยาว
อ้างอิง
https://www.aljazeera.com/news/2025/2/28/mapping-ukraines-rare-earth-and-critical-minerals
https://www.nbcnews.com/politics/national-security/know-ukraines-mineral-wealth-rcna194070