ป่ามิยาวากิ : โมเดลปลูกป่ายุคอุตสาหกรรมญี่ปุ่นสู่วิธีที่ใช้กันทั่วโลก

แต่สิ่งนี้กลายเป็นที่ถกเถียงว่ามันกำลังเวิร์คจริง ๆ หรือไม่

ป่ามิยาวากิ (Miyawaki) โมเดลป่าเล็ก ๆ ของญี่ปุ่นที่กำลังแพร่กระจายไปทั่วโลก มันคือป่าขนาดเล็กที่มีต้นกำเนิดจากกลางเมืองอุตสาหกรรมที่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับผู้คนและสิ่งแวดล้อมได้ แต่นอกเหนือจากป่าในเมืองเหล่านี้ ที่สำคัญกว่าคือเราก็ต้องปกป้องป่าฝืนใหญ่ให้โลกด้วยเช่นกัน

ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยควีนมาร์กาเร็ต ชานเมืองเอดินบะระ ประเทศสก็อตแลนด์ เด็ก ๆ ชั้นประถมกลุ่มหนึ่งกำลังตื่นเต้นอย่างมากเพราะพวกเขากำลังเดินทางไปเยี่ยมผืนป่าเล็ก ๆ พร้อมถังน้ำ เหยือก และนาฬิกาจับเวลา 

สิ่งที่เด็ก ๆ กำลังทำคือวัดความชื้นของดินทั้งภายในและภายนอก ‘มิยาวากิ’ ในการดูดซับน้ำ โดยเด็ก ๆ วัย 8-9 ขวบกลุ่มจะใช้เวลาทั้งวันเพื่อทำหน้าที่จับเวลาทดสอบการรดน้ำ 2-3 ครั้ง และตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นในผืนดินขนาดเล็กเท่าสนามเทนนิส 

ผืนป่าเหล่านี้มีชื่อว่า ‘มิยาวากิ’ ซึ่งผุดขึ้นทั่วโลกมานานหลายปีซึ่งเริ่มต้นจากประเทศญี่ปุ่น ไปสู่อินเดีย เดินทางต่อที่เนเธอร์แลนด์ ข้ามทะเลไปสหรัฐอเมริกา และก็มาถึงสหราชอาณาจักร หลายประเทศกำลังผลักดันป่าประเภทนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ และยังคงมีข้อถกเถียงเกิดขึ้นตลอดหลายสิบปีตั้งแต่เริ่ม

จุดเริ่มต้นจากยุคมลพิษทางอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น

ต้องยอมรับว่าในช่วงทศวรรษ 1950 และ 1960 นั้น ญี่ปุ่นพัฒนาประเทศขึ้นมาอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้สนใจสิ่งแวดล้อมเลย 

“ป่าไม้และซาโตยามะ (ป่าที่ใช้สำหรับเกษตรกรรมและป่าไม้ขนาดเล็ก) ถูกแผ้วถางอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างพื้นที่อยู่อาศัย และมลพิษทางอากาศและทางน้ำก็รุนแรงมากจนมีแรงผลักดันอย่างแรงกล้าที่จะทำอะไรสักอย่าง” ฟูมิโตะ โคอิเกะ ศาสตราจารย์ด้านนิเวศวิทยา มหาวิทยาลัยแห่งชาติโยโกฮามา กล่าว 

มลพิษทางอุตสาหกรรมเหล่านั้นก่อให้เกิดโรคร้ายแรง เช่น โรคมินามาตะและโรคหอบหืดยกไกจิ ญี่ปุ่นจึงได้จัดตั้งหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งปัจจุบันคือกระทรวงสิ่งแวดล้อมในปี 1971 ทันใดนั้นห้องปฏิบัติการของ อากิระ มิยาวากิ นักนิเวศวิทยาป่าไม้ที่ทำงานในมหาวิทยาลัยแห่งชาติโยโกฮามาก็เต็มไปด้วยคนจากอุตสาหกรรม

อากิระ มิยาวากิ (Akira Miyawaki) คือ นักพฤกษศาสตร์ชาวญี่ปุ่นและผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศวิทยาพืช ผู้เป็นที่รู้จักในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูพืชพรรณธรรมชาติและเป็นผู้ศึกษาวิธีการปลูกป่าที่มักถูกเรียกว่า ‘ป่ากระเป๋า’ หรือ ‘ป่ามิยาวากิ’ ตามชื่อของเขา โดย อากิระ มิยาวากิ ได้รับรางวัล Blue Planet Prize ในปี 2006 และในปัจจุบัน เขาได้ลาโลกนี้ไปเมื่อ 16 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 

“ผมคิดว่าพวกเขาสนใจแค่การขอให้เราปลูกต้นไม้เพื่อชดเชยมลพิษที่พวกเขาก่อขึ้น” มิยาวากิเล่าในการบรรยายเดียวกัน โดยกล่าวว่าตัวเขาปฏิเสธที่จะปลูกต้นไม้เพื่อปกปิดไว้ชั่วคราว “อย่างไรก็ตาม ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมมือในการสร้างป่าพื้นเมืองที่แท้จริงโดยอิงจากพืชพรรณธรรมชาติที่มีศักยภาพในพื้นที่”

ในปี 1971 ฝ่ายสิ่งแวดล้อมที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่ของนิปปอนสตีล บริษัทผลิตเหล็กกล้ายักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ได้ว่าจ้างมิยาวากิให้สร้างป่าในโรงงานผลิตของบริษัท และเขาคิดว่านี่คือโอกาสของเขา

“(ในญี่ปุ่น) หัวหน้าแผนกมักจะถูกย้ายหลังจากทำงานครบสามปี ดังนั้น ดร. มิยาวากิ จึงได้คิดค้นวิธีการสร้างป่าให้เสร็จภายในสามปี” คาซูเอะ ฟูจิวาระ อดีตศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติโยโกฮามา ผู้ซึ่งทำงานใกล้ชิดกับมิยาวากิ กล่าว 

อากิระ มิยาวากิ (Akira Miyawaki) นักพฤกษศาสตร์ชาวญี่ปุ่นผู้ริเริ่ม Miyawaki Method

ป่าเล็ก ๆ สู่กฎหมายที่กำหนดให้โรงงานต้องเปลี่ยน 20% เป็นพื้นที่สีเขียว

ณ ที่นั่น มิยาวากิ พัฒนาป่าเล็ก ๆ ขึ้น ซึ่งมีรากฐานมาจากตอนที่เขาศึกษาในเยอรมนีตั้งแต่ปี 1958 ไรน์โฮลด์ ทักเซน (Reinhold Tüxen) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ได้แนะนำเขาถึงทฤษฎี ‘พืชพรรณธรรมชาติที่มีศักยภาพ’ 

ซึ่งหมายถึงพืชพรรณพื้นเมืองที่พื้นที่นั้น ๆ สามารถรองรับได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พืชพรรณที่มีอยู่ก่อนการแทรกแซงของมนุษย์ และมิยาวากิก็อุทิศตนให้กับการจัดทำรายการพืชพื้นเมืองของประเทศเมื่อเขากลับมาในปี 1960 

แนวคิดนี้ประกอบไปด้วยขั้นตอนคือ ระบุชนิดพันธุ์พืชพื้นเมืองในพื้นที่นั้น, ปรับปรุงดินโดยการผสมอินทรียวัตถุ, ปลูกต้นกล้าของต้นไม้พื้นเมืองและไม้พื้นล่างในลักษณะผสมผสานอย่างหนาแน่น (ประมาณสามต้นกล้าต่อตารางเมตร) เพื่อจำลองสภาพป่าธรรมชาติ และกำจัดวัชพืชออกจากพื้นที่นานถึงสามปีหลังจากปลูก หากจำเป็น

หลังจากนั้น สวนจะถูกปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ เนื่องจากการปลูกต้นไม้อย่างหนาแน่น ต้นกล้าจึงเติบโตอย่างรวดเร็วและแข่งขันกับแสงแดด ในเวลาไม่นานหลายคนก็สังเกตเห็นความแตกต่างได้ชัดเจน ป่ามิยาวากิในบริษัทนิปปอนสตีล ที่ปัจจุบันมีพื้นที่ 2,076 เอเคอร์ และมีต้นไม้สูงถึง 30 เมตร

ด้วยความสำเร็จนี้ทำให้ปี 1973 ญี่ปุ่นได้ออกกฎหมายว่าด้วยสถานที่ตั้งโรงงานฉบับใหม่ ซึ่งกำหนดให้โรงงานขนาดหนึ่ง ๆ ต้องเปลี่ยนพื้นที่ 20% ให้เป็นพื้นที่สีเขียว และ ดร. มิยาวากิก็ได้ร่วมงานกับอีกหลายบริษัทของประเทศญี่ปุ่น รวมถึงบริษัทต่างชาติที่ญี่ปุ่นเข้าไปมีส่วนร่วม

“ป่ากึ่งธรรมชาติสามารถสร้างได้ภายใน 15-20 ปีในญี่ปุ่น และ 40-50 ปีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” มิยาวากิ กล่าวในปี 1999

ผืนป่ามิยาวากิที่ปลูกฟื้นฟูในพื้นที่ของนิปปอนสตีล ประเทศญี่ปุ่น

ยังคงมีคำถาม : เป็นการปลูกป่าที่อาจยิ่งทำลายหรือไม่?

ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 มิยาวากิได้รับข้อเสนอจากมิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น ให้ลองฟื้นฟูป่าเขตร้อนในมาเลเซีย ทำให้ในปี 1991 มหาวิทยาลัยปุตรามาเลเซีย ได้ปลูกต้นกล้า 300,000 ต้นภายใต้การดูแลของมิยาวากิ บนพื้นที่ 50 เฮกตาร์

อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์ Friends of the Earth ฉบับปี 1993 กลับเห็นตรงข้ามและโต้แย้งไว้ว่า “ป่าธรรมชาติของมาเลเซียกำลังถูกทำลายโดยผู้รับเหมาช่วงของมิตซูบิชิในอัตราที่เร็วกว่าการปลูกป่าทดแทนใด ๆ” โดยป่าธรรมชาติโดนตัดไปเป็นพื้นที่มากกว่า 3 ล้านเฮกตาร์

แม้ปรัชญาการปลูกป่าแบบมิยาวากิจะได้รับความนิยมอย่างมากจนบริษัทหลาย ๆ แห่งนำมาปฏิบัติ จนกลายเป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าเต็มไปด้วยความเป็นธุรกิจมากกว่าจะทำเพื่อธรรมชาติ 

“เห็นได้ชัดว่า ‘ป่า’ เหล่านี้เติบโตอย่างรวดเร็ว ไม่ต่างอะไรจากรถไฟหัวกระสุนที่กำลังแล่นเข้าสู่อนาคต ทั้งหมดนี้ฟังดูดีและขายได้: ปลูกป่าด้วยความเร็วและประสิทธิภาพของญี่ปุ่น” ฟาซาล ราชิด (Fazal Rashid) และโซมิล ดากา (Somil Daga) นักทำสวนเชิงนิเวศเขียนไว้ในปี 2023 

เนื่องจากบริษัทเหล่านั้นแทบไม่สนใจที่จะศึกษาด้านระบบนิเวศวิทยาเลย  การเยี่ยมชมโครงการฟื้นฟูที่หลากหลายทั่วอินเดียยิ่งตอกย้ำมุมมองของทั้งคู่

“คุณสามารถทำรายชื่อต้นไม้พื้นเมืองทั่วภูมิภาคได้ แต่ในขณะปลูกต้นไม้ ไม่ควรปลูกอะไรก็ได้ในที่เดียว ต้นไม้แต่ละต้นมีความต้องการเฉพาะของตัวเอง” ราชิดกล่าว โดยเน้นย้ำถึงชนิดของดิน การระบายน้ำ ความเค็ม ความใกล้ชิดกับน้ำ และปัจจัยอื่น ๆ “ผมหมายถึง คำถามเหล่านี้ล้วนถูกมองข้ามไปโดยสิ้นเชิงด้วยแนวคิดแบบมิยาวากิ”

แม้ป่าเล็ก ๆ โดยเฉพาะในเมืองจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้คนและสังคมในด้านสุขภาพจิตที่ดี และสภาพอากาศพื้นที่เล็ก ๆ ทั้งป้องกันน้ำท่วมและปกป้องความร้อนให้กับเมือง แต่ป่าเหล่านี้ก็ไม่ควรแย่งความสนใจของเราไปจากป่าฝืนใหญ่เช่นป่าแอมะซอนและป่าดิบชื้นธรรมชาติทั่วโลก

“วิธีของมิยาวากิหรือวิธีใดก็ตามนั้น ลุยเลย ปลูกป่าเลย แต่อย่าทำลายป่าของเรา เพราะป่าดูแลอากาศ น้ำ สัตว์ และทุกสิ่ง ความมั่นคงของเราขึ้นอยู่กับป่า” นิค มูฮาหมัด มาจิด (Nik Muhamad Majid) อดีตศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยปุตรามาเลเซีย กล่าว

Credit