PlanToys ของเล่นไม้สำหรับเด็ก จากไม้ยางพาราที่หมดสภาพ

เพราะการเล่นไม่ใช่แค่เรื่องเล่น ๆ ตั้งแต่การผลิตจนถึงส่งออกที่ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

หากนึกถึงของเล่นสมัยเด็ก ทุกคนเคยเล่นอะไรกันมาบ้าง แล้วรู้ไหมว่าของเล่นที่เราเคยเล่นทำมาจากอะไร เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแค่ไหน และสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากน้อยเพียงใด?

แน่นอนว่าตอนเด็ก ๆ เราคงสนใจแค่ว่าเล่นแล้วมันสนุกไหมก็พอ และเราก็เติบโตขึ้น ห่างหายจากการเล่นจนจำของเล่นชิ้นแรกไม่ได้แล้ว แต่ ‘แปลนทอยส์’ เข้ามาเปลี่ยนภาพจำของเล่นอย่างสิ้นเชิง เพราะการเล่นไม่ใช่แค่เรื่องเล่น ๆ อีกต่อไป

หากอยากเปลี่ยนแปลงสังคมต้องเริ่มต้นตั้งแต่เด็ก ๆ และการเล่นเป็นรูปแบบการสร้างการเรียนรู้ที่ง่ายที่สุด ด้วนแนวคิดนี้จึงกลายเป็นที่มาการสร้างของเล่นแปลนทอยส์เพื่อเด็ก ๆ แต่ทำไมจึงต้องเป็นของเล่นไม้จากต้นยางพาราด้วยล่ะ?

ย้อนกลับไปกว่า 40 ปี ตามคำบอกเล่าของพี่บลหรือคุณนิโลบล กิจไกยลาศ ตำแหน่ง Senior Brand Marketing Communications Manager ที่ให้สัมภาษณ์กับเรา เล่าให้ฟังว่าแต่ก่อนชาวสวนยางพาราในภาคใต้มักจะโค่นและเผาต้นยางพาราที่หมดสภาพ (ไม่มีน้ำยางแล้ว) และ ‘คุณวิฑูรย์ วิระพรสวรรค์’ หนึ่งในผู้ก่อตั้งแปลนทอยส์ เห็นโอกาสจึงนำไม้ยางพารามาสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นของเล่นไม้สำหรับเด็กจนถึงทุกวันนี้ 

เดิมทีบริษัทแปลนทอยส์ตั้งอยู่ในสมุทรปราการ ทำให้การขนส่งไม้ยางพาราใช้เชื้อเพลิงสูงและปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในปริมาณมาก แปลนทอนย์จึงกำหนดแหล่งที่มาของวัสดุต่าง ๆ 75% ต้องมาจากรัศมี 30 กิโลเมตรรอบโรงงาน จึงได้ย้ายโรงงานไปตรังเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุดตั้งแต่ต้นทาง 

สิ่งที่น่าสนใจต่อมา เมื่อเศษฝุ่นขี้เลื่อยไม้ในโรงงานที่มาจากการเจาะไม้เพื่อทำเป็นของเล่น อาจสร้างปัญหาต่อสุขภาพของคนงาน ทำให้ต้องติดตั้งเครื่องดูดฝุ่น และมีเศษขี้เลื่อยกองรวมกันเป็นปริมาณมากในโรงงาน

แปลนทอยส์จึงได้ร่วมงานกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คิดค้นนวัตกรรม ที่เรียกว่า ‘Plan Wood‘ โดยการนำขี้เลื่อยมาผสมกาวที่ไม่มีฟอร์มาลดีไฮด์ และสีย้อมออแกนิค จากนั้นใช้กระบวนการความร้อนขึ้นรูปจนได้ชิ้นงานออกมา ซึ่งทำให้โมเลกุลที่ถูกอัดมีความหนาแน่นมากกว่าท่อนไม้ แข็งแรงกว่า ลอยน้ำได้และน้ำซึมผ่านได้น้อยลง จากการแก้ปัญหานี้ของแปลนทอยส์ก็ยังอัพไซเคิลไม้ให้ใช้ประโยชน์สูงสุดต่อไปได้อีก

ด้วยความที่ Plan Wood เมื่อเข้าเครื่องอัดแล้วได้ของเล่นเป็นชิ้นออกมาเลย จึงทำให้ง่ายต่อการออกแบบที่ตอบโจทย์พัฒนาการเด็กในด้านต่าง ๆ ได้มากขึ้น จึงเกิดเป็นโปรเจคของเล่นออกมา 3 แบบ ได้แก่ ของเล่นสำหรับเด็กพิเศษ, ของเล่นสำหรับเด็กกล้ามเนื้ออ่อนแรง และของเล่นสำหรับเด็กออทิสติก

เล่นอย่างไรให้ยั่งยืน

แปลนทอยส์มุ่งมั่นผลิตของเล่นให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการตลอดจนการส่งออก เพื่อสร้างการเล่นที่ยั่งยืน (Sustainable Play) ด้วยวิธีการที่ยั่งยืน (Sustainable Way) ส่งเสริมสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน (Sustainable World) ซึ่งเป็นภารกิจหลักของแปลนทอยส์

ในแง่การเล่นที่ยั่งยืน พี่บลเล่าให้ฟังต่อว่า “การใส่ทัศนคติเชิงบวกให้กับเด็กมาตั้งแต่เล็ก ๆ จะทำให้เด็กคนนี้โตไปเป็นเด็กที่ดี และช่วยโลกให้ดีขึ้นได้ ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจของแปลนทอยส์ Better Kids, Better World through Sustainable Play เด็กดีขึ้น โลกดีขึ้น ผ่านการเล่นที่ยั่งยืน”

ดังนั้นแปลนทอยส์จึงสร้างของเล่นไม้สำหรับการเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อม โดยร่วมมือกับ Kromkommer กิจการเพื่อสังคมของเนเธอร์แลนด์ที่สนับสนุนการลดขยะอาหาร (food waste) ซึ่งออกแบบให้ของเล่นมีรูปทรงผักผลไม้ที่ผิดรูปร่าง แต่ก็ยังคงเป็นผักผลไม้ เพื่อให้เด็ก ๆ ตะหนักถึงคุณค่าของอาหารมากขึ้น

และทุก ๆ 1 ยูโรของจากการทำสินค้าชุดนี้ จะส่งต่อให้ทาง Kromkommer ทำเรื่องขยะอาหาร โดยรับซื้อผักผลไม้ในซูเปอร์มาร์เก็ตที่ไม่สวยหรือผิดรูปร่างมาทำซุปและขายเพื่อสร้างคุณค่าให้อาหารอีกครั้ง

นอกจากนี้ครูในยุโรปบางคนนำของเล่นชุดผักผลไม้ผิดรูปนี้ไปสอนเรื่องความเท่าเทียม แม้คนเราจะไม่สมบูรณ์แบบบ้าง แต่ทุกคนก็มีความเท่าเทียมกัน และยังมีชุดของเล่นแปลนทอยส์ที่สอนการแยกขยะรีไซเคิล พลังงานลมให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ผ่านการเล่น

‘พังก็ส่งมาซ่อมได้ หายก็ซื้อใหม่แค่บางชิ้นได้เช่นกัน’

แปลนทอยส์ไม่เพียงแต่สร้างคุณค่าในการเล่นเท่านั้น แต่ยังมีบริการรับซ่อมแซมของเล่นจากลูกค้าให้สามารถกลับมาเล่นใหม่ได้อีก แน่นอนว่าตอนเด็ก ๆ เรามักจะมีของเล่นชิ้นโปรด และบางทีมันก็ไม่สามารถอยู่กับเรานาน ๆ ได้ แต่ของเล่นชุดแรกของแปลนทอยส์ยังคงมีลูกค้าส่งมาให้ซ่อมจนถึงทุกวันนี้ 

หากของเล่นชิ้นไหนหายไป สามารถหาซื้อเพิ่มได้เช่นกัน และอย่างที่รู้กันเด็กทุกคนต้องเติบโต ของเล่นของพวกเขาเหล่านี้สามารถบริจาคให้แปลนทอยส์ เพื่อส่งต่อของเล่นแก่เด็กคนอื่น ๆ 

พี่บล ยังเล่าให้เราฟังอย่างออกรสต่อว่าการเล่นขยายไปสู่พื้นที่การเล่นที่ใหญ่ขึ้นอย่าง ‘Forest of Play’ (ป่าแห่งการเล่น) ซึ่งมาจากแนวคิดคุณวิฑูรย์หนึ่งในผู้ก่อตั้ง ได้ออกงานแสดงสินค้าของเล่น แต่ด้วยความเป็นแปลนทอยส์การจัดแสดงสินค้าเพียงอย่างเดียวอาจไม่เข้าถึงการเล่นของเด็ก ๆ จึงสร้างพื้นที่การเล่น และของเล่นชิ้นใหญ่จากของเหลือใช้ในโรงเรียน ทำให้เด็ก ๆ มาเล่นด้วยกันได้หลายคนขึ้น

หลังจบงานจัดแสดงของเล่น ‘Forest of play’ ได้ย้ายไปเป็นพื้นที่เล่นของเด็ก ๆ ที่บริษัทสาทร ชั้น 3 และเปิดเป็นพื้นที่เล่นสำหรับเด็ก ต่อมาได้สร้าง ‘Forest of play’ ในพื้นที่โรงงานในจังหวัดตรัง ซึ่งอยู่ในป่าจริง ๆ ทำให้เด็ก ๆ ได้สัมผัสกับธรรมชาติ และของเล่นที่มาจากวัสดุเหลือใช้ ที่นำมาออกแบบเป็นของเล่นใหม่ที่สวยงาม ยังคงแนวคิดการใช้สิ่งต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งกลายเป็นเสน่ห์ในป่าของการเล่นแห่งนี้ โดยเปิดทุกวัน และในช่วงวันธรรมดาสามารถเข้าดูงานได้ฟรี ส่วนวันหยุดเปิดให้ผู้ปกครองพาเด็ก ๆ มาเล่นโดยเสียค่าเข้าอยู่ที่ 100 บาทเล่นได้ทั้งวัน มีทั้งพื้นที่ในร่ม โคลนและน้ำ ซึ่งเป็นพื้นที่การเล่นอย่างแท้จริง

พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เพราะการเล่นอยู่ทุกช่วงเวลาการเติบโตของเด็ก ๆ

ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ไหนก็ตามต้องเคยผ่านช่วงวิกฤตกันบ้างแหละ โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด 19 หลาย ๆ แบนด์ได้รับผลกระทบ แต่แปลนทอยส์กลับสร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้น พ่อแม่ ผู้ปกครองในช่วงที่ต้องทำงานอยู่บ้าน ทำให้มีโอกาสได้เล่นกับลูก ๆ มากขึ้น แปลนทอยส์จึงใช้โอกาสนี้ในการทำ Toy Rental เป็นระบบการให้ยืมของเล่นได้ แม้จะอยู่ในช่วงที่ต้องห่างไกลกันก็ตาม

ซึ่งการเช่ายืมของเล่นเป็นอะไรที่แปลกใหม่มากสำหรับเรา คิดว่าหลาย ๆ คนอาจจะไม่เคยได้ยินเหมือนกัน โดยการยืมของเล่นมีตั้งแต่ของเล่นชิ้นเล็กไปจนชิ้นใหญ่ มีอุปกรณ์ครบเครื่องทั้งเฟอร์นิเจอร์ ตุ๊กตา วิธีการเล่น พร้อมหนังสือนิทาน ซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก พ่อแม่เด็กบางคนกลัวซื้อของเล่นไปแล้วลูกไม่ชอบ ก็จะทำให้เสียเปล่าได้ แต่การมีระบบยืมของเล่นก่อน เด็ก ๆ ได้ลองเล่น หากชอบก็ตัดสินใจซื้อได้

นอกจากนี้แปลนทอยส์ยังทำ Toy Library ที่ร่วมมือกับ TK Park สนับสนุนของเล่นให้กับห้องสมุดในจังหวัดตรังกว่า 10 แห่ง เพื่อให้เด็ก ๆ ได้ยืมเล่นได้ และเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้าถึงการเล่นมากขึ้น

ไม่ใช่แค่การเล่น แต่ทุกกระบวนการต้องยั่งยืน

พี่บลย้ำกับเราเสมอว่า “ไม่ใช่แค่ผลิตของเล่นไม้ แต่เราได้คิดตั้งแต่ก่อนที่จะไปเอาวัตถุดิบมาว่ามันตายแล้วไปไหน ย่อยสลายยังไง ฉะนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงเลือกไม้ยางพารา”

“ของเล่นแปลนทอยส์หลัก ๆ ใช้ไม้กับยางเพราะเราต้องการใช้ต้นยางให้เกิดประโยชน์สูงสุดและคุ้มค่าที่สุด อย่างของเล่นแปลนทอยส์ในส่วนลำต้นก็นำมาทำชิ้นของเล่นที่เป็นไม้ เปลือกข้างนอกไม้นำมาทำไม้อัด ส่วนเศษเลื่อยที่เหลือก็นำมาทำแปลนวูดอีกที”

“ตาไม้ กิ่งไม้ และรากไม้ที่ไม่สามารถเอาไปทำอะไรได้แล้ว เราก็เอาเข้าเตาเผาชีวมวลในโรงงาน โดยเตาเผาชีวมวลนี้ทำให้เกิดพลังงานความร้อน ใช้เป็นพลังงานในการอัดสินค้าอีกทีด้วย ทำให้เห็นว่าของทุกอย่างในโรงงานนำไปใช้ได้หมดให้เหลือเศษซากของของเสียให้น้อยที่สุด”

พี่บลเสริมกับเราต่อว่า “แปลนทอยส์มีการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในแต่ละสินค้าที่เราผลิตด้วย ฉะนั้นแล้วถ้าดูบนกล่องของแพลนทอยส์จะมีการบอกค่าการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ด้วย เช่น ของเล่นจระเข้ตัวนี้มีการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ 2.5 กิโลกรัม”

“เรามองว่าในอุตสาหกรรมของเล่นยังไม่มีใครใส่ค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในของเล่น ซึ่งแปลนทอยส์ใส่มาได้ 5-6 ปีแล้ว ซึ่งไม่ได้ใส่มาเพื่อไปแข่งกับใครเพราะไม่มีใครทำ แต่สิ่งที่แปลนทอยส์ใส่มาเพราะอยากแข่งกับตัวเองว่าวันนี้จระเข้ปล่อยมา 2.5 กิโลกรัม ถ้าปีหน้าปล่อยเหลือ 2.3 กิโลกรัม นั่นแสดงว่าแปลนทอยส์ได้มีการลดกระบวนการบางอย่างให้จระเข้นี้มีการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์น้อยลงได้ มันก็เป็นการวัดกับตัวเรา”

การเล่นที่ส่งต่อให้สังคมยั่งยืน

ของเล่นไม้แปลนทอยส์ขายในประเทศไทยประมาณ 5% เท่านั้น ส่วนอีก 95% ส่งออกและมีกลุ่มเป้าหมายกว่า 60 ประเทศทั่วโลก ทำให้กระบวนการสุดท้ายของสินค้า กระจายไปอยู่ข้างนอกแล้วไม่สามารถเรียกกลับคืนมารีไซเคิลในโรงงานได้ทั้งหมด

“แต่สิ่งที่เราพยายามทำเราจะสนับสนุนเรื่องการส่งต่อของเล่น Toy Library และร่วมมือกับ TOYCYCLE ของอเมริกา ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายของเล่นมือสอง จึงได้บอกกับลูกค้าในอเมริกาว่าถ้าไม่ได้เล่นของเล่นแปลนทอยส์แล้วสามารถขายที่แพลตฟอร์มนี้ได้”

นอกจากนี้แปลนทอยส์ได้ทำ T-VER Project ซึ่งเป็นโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย โดยร่วมมือกับชาวสวนชาวไร่ในการลดก็าซเรือนกระจกเพื่อใช้เป็นคาร์บอนเครดิต และเก็บสถิติความเป็นกลางทางคาร์บอนตลอดการดำเนินงาน

ความท้าทายของเล่นไม้อย่างแปลนทอยส์

สุดท้ายนี้พี่บลได้ฝากมาบอกเราว่า “ด้วยความเป็นของเล่นไม้จากธรรมชาติ บางชิ้นอาจมีลายที่ไม่สมบูรณ์แบบบ้าง จึงเป็นโจทย์ที่ต้องสื่อสารกับลูกค้าให้เข้าใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นสินค้าสำหรับเด็กในช่วงวัยที่มักจะหยิบของเข้าปากเสมอ ดังนั้นของเล่นไม้แปลนทอยส์จึงต้องใช้สีและกาวจากวัตถุดิบที่มีความปลอดภัย”

“ทีนี้ความปลอดภัยจะไปควบคุมความเป็นธรรมชาติ 100% ไม่ได้ เนื่องจากของเล่นเป็นไม้ หากเก็บในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสมอาจเกิดเชื้อราได้ แต่อย่างไรก็ตาม หากพบปัญหาเกิดขึ้นทางแปลนทอยส์ก็เปลี่ยนสินค้าให้ทันที”

“แต่ความท้าทายที่จะสื่อสารให้เข้าถึงผู้คน ให้คนรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นปกติ ไม่ใช่รู้สึกว่ายากจัง ควรอยู่ในจริตของทุกคน และมองว่าจริง ๆ เรื่องการเล่นไม่ใช่เป็นแค่เรื่องของเด็ก ๆ ทุกคนจำเป็นต้องเล่นทุกวัน และทุกวัย เพียงแต่เราโตแล้ว เราลืมเรื่องการเล่นไป และการเล่นยังไงให้ยั่งยืนมากกว่าก็เป็นสิ่งที่แปลนทอยส์พยายามคิด และทำอยู่ตลอด”

“เราเชื่อว่าการเล่นไม่ได้อยู่แค่ที่ของเล่น แต่ไปอยู่เรื่องการเล่นด้วย”

แปลนทอยส์ทำให้เราอยากย้อนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง แม้จะจำของเล่นชิ้นแรกไม่ได้แล้ว แต่ของเล่นชิ้นต่อไปเราคิดออกแล้วว่าจะเลือกเล่นอะไรที่สร้างคุณค่าต่อตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

#ของเล่น #ของเล่นไม้ #ของเล่นไม้ยางพารา #PlanToys

No tags found for this post.

Credit

Waranya W.

นักการเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่เรียกสั้น ๆ ว่า ‘มนุษย์เป็ด’