การจัดการขยะในโรงเรียนรุ่งอรุณ เมื่อการศึกษาไม่ได้อยู่แค่ความรู้ในห้องเรียน

เริ่มต้นสร้างจิตสำนึกและค่านิยมที่ดีในการทิ้งขยะได้ตั้งแต่เด็ก ๆ

ทุกคนคงทราบกันดีว่า ‘ปัญหาขยะ’ นับว่าเป็นวาระแห่งชาติเลยก็ว่าได้ แต่จะจัดการปัญหาขยะที่ต้นทางได้อย่างไรล่ะ? วันนี้เราเลยอยากชวนทุกคนไปสำรวจมุมมองการจัดการขยะในโรงเรียนรุ่งอรุณกัน

เมื่อก้าวสู่พื้นที่โรงเรียนรุ่งอรุณ เราสัมผัสได้ถึงธรรมชาติและพื้นที่สีเขียวที่โอบล้อมรอบตัวเรา บรรยากาศเงียบสงบ อาจเป็นเพราะอยู่ในช่วงปิดเทอม เราเข้าไปนั่งรอคุณครูที่จะมาสัมภาษณ์ในบ้านหลังหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยหมู่มวลสิ่งของที่ดูเหมือนขยะ แต่จัดไว้อย่างเป็นระเบียบ

ไม่นานเราก็พบกับคุณครู ‘พรรณยมณฑ์ ชัชลักษณ์โสภณ หรือครูมนต์’ ที่มาพร้อมแก้วน้ำคู่ใจใบหนึ่ง ก่อนส่งยิ้มให้ ซึ่งก่อนหน้านี้ครูมนต์ได้ไปช่วยคัดแยกขยะแก่เณรที่บวชภาคฤดูร้อน แล้วค่อยมาหาเรา จากนั้นเราทั้งคู่จึงได้เริ่มพูดคุยกันในห้องสมุดของโรงเรียน

“แต่ก่อนโรงเรียนรุ่งอรุณเป็นโรงเรียนเล็ก ๆ ถังขยะเป็นแบบโอ่งหรืออะไรก็ตาม แต่ทิ้งรวมกัน ช่วงโรงเรียนเพิ่งเปิด ทางเขตจอมทอง ทุ่งครุ และบางขุนเทียน ยังไม่รู้ว่าใครต้องรับผิดชอบขยะของรุ่งอรุณ ระหว่างที่ตกลงกันขยะก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ”

“จนอาจารย์ประภาภัทร นิยม ผู้ก่อตั้ง คิดขึ้นได้ว่าโรงเรียนรุ่งอรุณเป็นโรงเรียนทางเลือกแนวใหม่ แต่ทิ้งขยะยังเหมือนเดิม เลยมีการปรึกษากันเรื่องการจัดการขยะ”

การจัดการขยะจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญในโรงเรียนรุ่งอรุณ จึงได้จัดตั้งฝ่ายทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมขึ้น

แรกเริ่มมีการทำ ‘โครงการของเสียเหลือศูนย์ Zero Waste’ ของคุณครูท่านหนึ่งที่จบจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีการจัดการขยะอย่างดีเยี่ยมเป็นอันดับต้น ๆ โดยในตอนนั้นครูมนต์ยังเป็นเพียงน้องใหม่อยู่ และมาสานต่อฝ่ายทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในรุ่นที่สามมาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว

ทำไมครูมนต์ถึงมาทำงานนี้? 

ครูมนต์เล่าด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยว่า “เพราะครูมนต์เห็นพฤติกรรมของคนนั่งเรือมาตั้งแต่เด็ก ๆ คนบนเรือทานอาหารเสร็จก็โยนขยะลงแม่น้ำ เพื่อขึ้นฝั่งอย่างไม่มีอะไรสกปรก พอเห็นภาพขยะแบบนี้บ่อย ๆ เลยคิดว่าไม่จำเป็นก็จะไม่ทิ้งขยะ” 

ครูมนต์ยังเคยเป็นครูสอนสังคมและครูประจำชั้น จึงได้ทำชมรมจิตอาสา มีเด็ก ๆ ในชมรมที่เรียกว่ากลุ่ม ‘Recycle Ranger’ ทำหน้าที่เป็นจิตอาสาเก็บขยะในงานต่าง ๆ และทุกเช้าเด็ก ๆ จะช่วยกันเดินเก็บขยะก่อนเข้าเรียน ซึ่งเด็ก ๆ สนุกกันมาก ทำให้พ่อแม่ ผู้ปกครองสนใจจึงได้ชวนครูมนต์ให้พาเด็ก ๆ ไปทำกิจกรรมเก็บขยะข้างนอก ซึ่งเป็นมุมที่น่ารักมาก ๆ ทั้งเด็กและผู้ปกครองต่างมีส่วนร่วมในกิจกรรม เพราะขยะเป็นเรื่องของทุกคนจริง ๆ 

แต่หลังจากที่มีครูในฝ่ายทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมเกษียณไป ครูมนต์จากชมรมจิตอาสาจึงมารับช่วงต่อและไม่ได้สอนหนังสือเด็ก ๆ อีกต่อไป

เมื่อการแยกขยะ กลายเป็นเรื่องสนุกสำหรับเด็ก ๆ

“ช่วงที่มาทำศูนย์แรก ๆ ไม่มีเด็ก ๆ อยู่ในมือแล้วเพราะไม่ใช่ครูประจำชั้นและไม่ได้สอนหนังสือแล้ว แต่ใจก็อยากสอนอยู่ ก็คิดว่าจะทำอย่างไรให้เข้าถึงเด็ก ๆ มากขึ้น ซึ่งได้สังเกตเห็นว่าผู้ปกครองส่วนใหญ่นำขยะจากบ้านมาโรงเรียน ซึ่งมันไม่ค่อยสนุก เลยคิดเป็น ‘โครงการนำขยะจากบ้านมาแยกที่โรงเรียน’ อยากเห็นภาพเด็ก ๆ เอาขยะจากบ้านมา โดยไม่จำเป็นต้องมีพ่อแม่มาด้วย”

กิจกรรมของครูมนต์ทำให้เด็ก ๆ สนุกกับการแยกขยะมาก ๆ และยังมีระบบการจับรางวัลต่าง ๆ จากขยะที่เด็ก ๆ นำมาแลกด้วย ซึ่งสร้างแรงจูงใจให้กับเด็กเล็กได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ครูมนต์ยังเน้นการสื่อสารให้เข้าใจง่าย ๆ อย่าง “ขยะได้ไปเกิดใหม่” แค่ประโยคง่าย ๆ แต่สร้างพลังบวกมาก ๆ 

“อยากให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ที่ทุกคนเข้ามาจะได้ความรู้การจัดการขยะ เราไม่ใช้ถังสีเขียว กทม. แค่เอาขยะมาโยนทิ้งแล้วก็ไป”

พอครูมนต์ทำฝ่ายนี้มาสักพัก ค้นพบว่าขยะมันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะ ความรู้เยอะมาก วิทยาศาสตร์ก็ได้ ภาษาไทยก็ได้ คณิศาสตร์ก็มี”

เพราะการจัดการขยะสามารถบูรณาการเข้ากับวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษาไทยได้ เช่น การชั่งน้ำหนักขยะ ช่วยให้เด็ก ๆ ได้เรียนเรื่องการอ่านเครื่องชั่งน้ำหนักไปโดยไม่รู้ตัว หรือภาษาไทยเด็กอนุบาลอ่านไม่ออก แต่สามารถอ่านจากสัญลักษณ์รีไซเคิลได้ โดยสังเกตตัวเลขจากขยะแต่ละชนิด 

การจัดการขยะในโรงเรียนรุ่งอรุณ

หลังจากครูมนต์เข้ามาทำศูนย์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม จึงได้ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการขยะในประเทศไทย พบว่า พลาสติกแบ่งออกเป็นสัญลักษณ์รีไซเคิล 7 ชนิด (เบอร์ 1-7) จึงได้จัดกลุ่มการแยกขยะในศูนย์เป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มพลาสติก กลุ่มกระดาษ กลุ่มแก้ว กลุ่มโลหะ และกลุ่มอื่น ๆ

เพราะฉะนั้นคนที่มาแยกขยะจะต้องรู้ว่าขยะในศูนย์แบ่งเป็น 5 กลุ่ม โดยกระดาษแบ่งเป็นกระดาษลัง กระดาษลูกฟูก กระดาษเนื้อขาว และกระดาษรวมต่าง ๆ ส่วนพลาสติกก็แบ่งเป็น 7 ชนิดด้วยเช่นกัน

ขยะเหล่านี้จะต้อง ‘สะอาดและแห้ง’ เพื่อนำไปส่งต่อ เพราะทั้งครูและนักเรียน มักนำไปใช้เป็นสื่อการเรียนการสอน หรือทำงานประดิษฐ์ต่าง ๆ แม้แต่ผู้ปกครองมักมาขอถุงกระดาษสำหรับช้อปปิ้ง เป็นการใช้ซ้ำ (Reuse) สิ่งของให้เกิดประโยชน์สูงสุด

“ทุกห้องเรียนจะมีจุดแยกขยะ แต่ไม่ได้เป็นรูปแบบเดียวกันขึ้นอยู่กับบริบทและการออกแบบในห้องเรียนและขยะแต่ละห้องด้วย โดยอนุบาลขยะส่วนใหญ่จะเป็นกล่องนม ตัด ล้าง ตากให้แห้ง ส่วนประถมส่วนใหญ่จะเป็นกระดาษ และถุงพลาสติก รวมถึงของเกี่ยวกับอาหารจะต้องตัด ล้าง ให้แห้ง เศษอาหารจะนำไปที่โรงแดงเพื่อทำเป็นปุ๋ยหมักต่อไป สำหรับมัธยมจะมีขยะพลาสติกเยอะที่สุด เพราะทำอาหารทานเองทุกมื้อ”

ซึ่งการทำอาหารเอง เป็นนโยบายของผู้บริหารที่มองว่าเราจะต้องทราบที่มาที่ไปของอาหาร เพื่อการเลือกซื้อที่ดีต่อสุขภาพของตนเอง และครูประจำชั้น รวมถึงแม่บ้านจำเป็นต้องมีความรู้เรื่องการจัดการขยะด้วย มีการเปิดอบรม เวิร์กชอปการจัดการขยะทั้งบุคลากรภายในโรงเรียน และผู้ปกครองที่สนใจ

โดยจุดการแยกขยะมีเพียงโรงแยกหรือศูนย์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมเท่านั้น และถังขยะในโรงแยกสั่งทำเป็นพิเศษเพื่อระบุประเภทขยะแต่ละชนิดอย่างชัดเจน มีชื่อขยะ สัญลักษณ์ และรูปภาพ เพื่อการแยกขยะให้ง่ายขึ้น

ขยะแยกแล้วไปไหน?

ปัจจุบันมีหน่วยงานต่าง ๆ รับซื้อและรับบริจาคขยะจากรุ่งอรุณเป็นจำนวนมาก อย่าง ‘SCG’ รับไปเป็นเชื้อเพลิงเผาเตา ขยะประมาณ 60-70 ถุง ไม่ถึง 5 นาทีหายหมด เป็นตัวเถ่าผสมกับปูน ขยะกลุ่มนี้ไม่สามารถขายได้ เช่น ผ้า ยาง สติกเกอร์ สก็อตเทอป ขยะมัลติเลเซอร์ ที่ประกอบด้วยวัสดุหลายชนิด และขยะบางกลุ่มนี้รีไซเคิลไม่ได้ก็ส่งให้ ‘N15 เทคโนโลยี’ อัดทำเป็นก้อนเชื้อเพลงใช้แทนถ่านหิน

“มีการขายขยะให้ร้านรับซื้อของเก่าสัปดาห์ละ 1 ครั้ง พวกกลุ่มกระดาษลัง เนื้อขาว กระดาษรวมเพราะเยอะมาก มาจากทั้งผู้ปกครองและโรงเรียน ใบงาน สื่อต่าง ๆ ในห้องเรียน และขายผ่าน Waste Buy Delivery”

“ผู้ปกครองมาแยกขยะเยอะมาก สามารถนำขยะมาแยกได้ในช่วงวันจันทร์-พุธ ส่วนนักเรียนจะแยกได้ตั้งแต่จันทร์-ศุกร์ เพื่อการจัดการขยะเยอะ ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ”

ขยะกลายเป็นทรัพยากรที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ถ้ารู้จักการจัดการที่เหมาะสม เพราะขยะจะมีคุณค่าได้ ถ้าอยู่ถูกที่

การทำงานที่ทวนกิเลสของมนุษย์

“การแยกขยะของรุ่งอรุณไม่ได้ 100% มีอยู่แล้วที่มาแอบทิ้ง มีไม่สะอาดและเอามาแยก ขยะทุกถุงครูมนต์เก็บเองหมด เพราะคำนึงถึงคนที่มารับขยะสำคัญ ถ้าย้อมแมวขาย หากไม่ได้ดูเลย แล้วคนรับพบว่าขยะเหม็นเน่า สกปรก สิ่งที่ตามมาเขาอาจจะไม่รับขยะเราอีก จึงต้องเคร่งครัดการแยกขยะให้สะอาดและแห้ง”

แม้จะมีคนที่ไม่แยกขยะบ้าง ครูมนต์จึงใช้วิธีการสื่อสาร และย้ำเตือนเรื่องการแยกขยะผ่านไลน์กลุ่ม หรือบางครั้งครูมนต์อาจจะทำกับเด็กไปเลย ทั้งการแยกขยะ ล้างขยะ เพื่อเสริมสร้างทัศนคติที่ดีให้กับเด็ก ไม่ใช่การสั่งการ ไม่ต่อว่าแต่เป็นตัวอย่างการทำให้เด็ก ๆ ดู และสอนให้เด็กไม่รังเกียจขยะที่ตัวเองกินเสร็จแล้ว

ครูมนต์พูดย้ำเสมอกับเราว่าการทำศูนย์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม จะต้องทำเชิงบวก ไม่เอาอารมณ์ไปลงกับเด็ก ๆ แต่เป็นการสอนและทำเป็นตัวอย่างให้เด็ก ๆ

“ช่วงแรก ๆ ท้อมาก เพราะขยะเยอะมาก ขยะมาจากทุกแหล่ง เผลอคิดเชิงลบว่าเหมือนเราเป็นถังเขียวนึกอยากจะมาแยกก็แยก ไม่แสดงตัวตนด้วยใคร ผู้อำนวยการบอกว่า เรากำลังทำงานทวนกิเลสของมนุษย์ ทิ้งมันง่าย แต่แทนที่จะทิ้งเปลี่ยนมาเป็นล้าง แยกขยะมันยากกว่า แต่สิ่งที่ได้มาคือภูมิใจ” 

“บางครั้งเคยคิดทิ้งขยะไปเลย แต่ก็มาฉุกคิดว่าหากทิ้งไปจะไปสอนคนอื่นได้อย่างไร”

ปัจจุบันถังขยะในโรงเรียนเก็บออกหมดเลย และครูเริ่มมีการแยกขยะมากขึ้น ผู้ปกครองก็เช่นกัน แม้ลูกจะเรียนจบไปแล้ว แต่ก็ยังมาแยกขยะอยู่ ครูมนต์จึงพยายามสร้างศูนย์ให้มีค่า แบ่งปันความรู้ให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้ามาดูงาน เช่น มูลนิธิเพื่อลมหายใจจากเชียงใหม่ อยากทำศูนย์เหมือนรุ่งอรุณ เลยมาศึกษาการแยกขยะ แล้วกลับไปทำ และประสบความสำเร็จ

โรงเรียนในฝันฉบับครูมนต์

“ผู้ปกครองเล่าว่าพาลูกมาเรียนเพราะมีศูนย์แยกขยะ โรงเรียนจ้างครู 1 คนเพื่อมาจัดการด้านขยะโดยเฉพาะ”

ประโยคนี้กินใจเรามาก เราได้เห็นคนที่ให้คุณค่ากับสิ่งนี้ และพร้อมสนับสนุนให้อนาคตของชาติได้มีจิตสำนึกที่ดีต่อการแยกขยะในอนาคต นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางการใช้ประโยชน์จากขยะ ทั้งโรงเรียนและชุมชนพึ่งพาอาศัยซึ่งกัน ผู้ปกครองบางคนมารับกระดาษไปทำงาน เด็ก ๆ นำไปประดิษฐ์ ดังนั้นขยะจึงต้องสะอาด เพราะทางเขตบอกมีลูกเป็นตัวประกัน และบางที่เป็นศูนย์กลางรับบริจาค เช่น เสื้อผ้า ที่ปั๊มนมไม่ใช้แล้ว ก็ส่งบริจาคให้คนที่ต้องการต่อไปได้ โดยใครที่ขาดอะไรมาถามที่ศูนย์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมได้เลย

“อยากให้เด็ก ๆ และผู้ปกครองทุกคนเห็นคุณค่าของขยะ รวมถึง เขต ชุมชน ประเทศ ว่าขยะมีคุณค่า อยากให้คนมองว่าขยะเป็น ”สิ่งของ“ มากกว่า แม้เป็นเรื่องยากที่จะปลูกฝัง หากผู้ปกครอง และครูไม่ให้ความสำคัญการแยกขยะ เด็ก ๆ ก็จะไม่เกิดการแยกขยะด้วย แต่ถ้าทุกคนเห็นความสำคัญของขยะ สภาพแวดล้อมเราก็จะไม่มีขยะให้เห็น”

ปีนี้เป็นปีที่ 21 ของศูนย์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ที่มีมาจนถึงทุกวันนี้เพราะผู้ก่อตั้งโรงเรียน ผู้อำนวยการครู บุคลากร นักเรียน และผู้ปกครองเห็นความสำคัญการแยกขยะ แม้จะมีขยะอยู่บ้าง แต่น้อยลงมากเมื่อเทียบกับแแต่ก่อน

“ก็หวังว่าวันหนึ่งทุกคนจะเห็นขยะเป็นสิ่งของที่มีคุณค่า และจะไม่ทิ้งมันลงอย่างง่ายดาย”

การสนทนากับครูมนต์ได้จบลง แต่มวลความรู้สึกยังคงตื้นตันใจกับภาพความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากคำบอกเล่าของครูมนต์ วันนี้แม้จะเดินทางมาไกล แต่ได้รับพลังบวกกลับมา การได้เห็นสังคมแห่งการเปลี่ยนแปลง ก็ไม่เสียแรงของหยาดเหงื่อในการเดินทางมาพบกัน

#ขยะ #แยกขยะ #โรงเรียน #โรงเรียนรุ่งอรุณ 

Credit

Waranya W.

นักการเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่เรียกสั้น ๆ ว่า ‘มนุษย์เป็ด’