แกะเบื้องหลังบทเพลงของ ‘LANDOKMAI’ ที่อบอวนไปด้วยธรรมชาติและบรรยากาศดี ๆ

เมื่อเคล็ดลับอาจเป็นการช่างสังเกตเอาความธรรมดามาใส่ในบทเพลง

เก็บดอกไม้, ฟ้า, Tsuki (พระจันทร์), ฤดูฝัน เหล่านี้คือชื่อเพลงบางส่วนของ ‘ลานดอกไม้’ ที่ปล่อยออกมาให้เราได้ฟังกันจนหลายคนอาจคุ้นหูหรือคุ้นตาบ้างไม่มากก็น้อย 

ย้อนกลับไปก่อนเริ่มบทสนทนากับ อูปิม – ลานดอกไม้ ศรีป่าซาง และ แอนท์ – มนัสนันท์ กิ่งเกษม สองสมาชิกจาก LANDOKMAI เรามีความสงสัย (ไม่น้อย) ว่าลานดอกไม้นี่มีความชอบอะไรเกี่ยวกับดอกไม้ ต้นไม้เป็นพิเศษไหมนะ จากชื่อวงลานดอกไม้ ไปจนถึงเนื้อเพลงที่หลายครั้งหยิบเอาวัตถุดิบธรรมชาติรอบตัวเหล่านี้มาปรุงแต่งในเพลง 

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจก็ตาม แต่บทเพลงของคู่ดูโอ้ ‘แอนท์-ปิม’ ลานดอกไม้ ก็มักหยิบเอาบรรยากาศธรรมชาติรอบตัวมาถ่ายทอดในบทเพลงให้คนฟังได้ดำดิ่งในโลกแห่งจินตนาการได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น ดอกไม้ ท้องฟ้า ป่าเขา โมเมนต์ระหว่างการเดินทาง  (เชื่อว่าไม่เพลงใดก็เพลงหนึ่งต้องมีเหตุการณ์ที่คุ้น ๆ ในชีวิตเราบ้างล่ะ) 

บทสนทนาฉบับรวบรัดนี้จะขอพาทุกคนไปรู้จักพวกเธอและพาไปสืบเสาะกันว่าอะไรคือแรงบันดาลใจที่อยู่เบื้องหลังบทเพลงเหล่านี้

จุดเริ่มต้นของ ‘ลานดอกไม้’ ที่ไม่ได้แปลว่าลานที่มีดอกไม้

สำหรับความเข้าใจของคนทั่วไปอย่างเราแล้ว เมื่อพูดถึงคำว่า ‘ลานดอกไม้’ อาจนึกถึงพื้นที่ที่เป็นลานกว้างเต็มไปด้วยดอกไม้ที่ผลิบาน แต่ แต่ เราคิดผิด! อูปิม – ลานดอกไม้ ศรีป่าซาง นักร้องนำของวงบอกกับเราว่าจริง ๆ แล้วคำว่าลานดอกไม้ไม่ได้มีที่มาความหมายเช่นนั้น

“จริง ๆ ลานดอกไม้แปลว่าต่างหูที่เป็นรูปดอกไม้ ไม่ได้แปลว่าลานที่มีดอกไม้ ซึ่งส่วนมากคนจะไม่ค่อยรู้ ชื่อเราตั้งโดยพ่อที่เป็นกวีภาคเหนือ เขามีความอนุรักษ์วัฒนธรรมล้านนา วัฒนธรรมภาคเหนือมาตลอด เขาเลยจะมีคลังคำศัพท์เยอะมาก” อูปิมตอบพร้อมยิ้มกว้างในแบบที่เราเห็นกันบ่อย ๆ 

หากใครได้ติดตามช่องทางบนโซเชียลมีเดียของอูปิมก็อาจจะเคยเห็นโพสต์คุณพ่อของอูปิมที่แต่งกลอนบ้าง เขียนให้กำลังใจลูกสาวอย่างอูปิมบ้าง ข้อความเหล่านี้ทำหน้าที่เป็น ‘เครื่องถ่ายทอดความคิดและความรู้สึก’ ได้อย่างดีเยี่ยม สำหรับเราเป็นอะไรที่ Like father, like daughter สุด ๆ ความละเมียดละไมในตัวหนังสือ การหยิบเรื่องราวรอบตัวมาถ่ายทอดอย่างลึกซึ้ง ต่างกันเพียงในรูปแบบบทกวีของคุณพ่อและเนื้อเพลงที่อูปิมได้สร้างสรรค์ออกมาเป็นผลงานของลานดอกไม้ที่เราได้ฟังกัน

การเดินทางบทที่ 1 ของ LANDOKMAI

มิตรภาพของทั้งคู่เริ่มต้นขึ้นในช่วงวัยมหาลัยฯ ของทั้งคู่ อูปิม – ลานดอกไม้ ศรีป่าซาง และ แอนท์ – มนัสนันท์ กิ่งเกษม ที่เป็นเพื่อนร่วมคณะกันที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล แรกเริ่มจากการเป็นรูมเมทกัน ชอบแนวเพลงที่เหมือน ๆ กัน จนมีวันว่างวันหนึ่งที่พวกเธอหยิบกีต้าร์มาร้อง cover เพลงอาวรณ์ – Polycat ลง Youtube กลายเป็นว่าได้รับผลตอบรับดีมาก ๆ จนเป็นที่รู้จักและ cover ต่อจากนั้นอยู่หลายเพลง

แต่ในความเป็น ‘วง LANDOKMAI’ เกิดจากช่วงหนึ่งที่แอนท์ช่วยอูปิมทำเพลงที่ชื่อว่า ‘เก็บดอกไม้’ เพื่อส่งอาจารย์ และเริ่มคิดว่าอยากจะตั้งชื่อวงเป็นของตัวเอง ซึ่งคอนเซปต์คืออยากให้เป็นอะไรที่พิเศษ เป็นชื่อที่ยังไม่มีคนใช้ และแมตช์กับเพลงแรกของพวกเขา จนในที่สุดก็มาตกที่ชื่อ “ลานดอกไม้” ที่ยังไม่มีใครใช้ มีความพิเศษ และเป็นชื่อจริงของอูปิมนี่เอง

‘เก็บดอกไม้’ เพลงนี้เป็นบทเพลงที่เขียนโดยอูปิม นักร้องนำของวง ซึ่งหยิบเอาดอกไม้มาเล่าผสมกับเรื่องราวความรักของหนุ่มสาว 

“…รักที่หอมหวาน เก็บดอกไม้ให้เธอ เติมความรักให้กัน และนั่นคือของขวัญ ที่เธอให้กับฉัน ก่อนจากฉันไป…” (ส่วนหนึ่งจากบทเพลง เก็บดอกไม้ – ลานดอกไม้)

เคล็ดลับอาจเป็นการช่างสังเกตเอาความธรรมดามาใส่ในบทเพลง

“…ดอกไม้บาน ลมพัดพา ฟ้าสีครามที่เราแต้มแต่งกันไว้ ทุกเรื่องราว เรื่องรักเรา อดีตคงความงดงามอยู่ในใจ รอยยิ้มเธอ ที่ฝากไว้ ยังสดใสเหมือนวันที่เราได้ใกล้…”

(ส่วนหนึ่งจากบทเพลง The Diary)

สกิลอย่างหนึ่งที่เราคนสัมผัสได้คือการสร้างสรรค์ผลงานเนื้อร้องโดยหยิบเอาเรื่องราวรอบตัวของเธอมาเล่าได้อย่างงดงาม แม้แต่ฝนตก แดดออก ลมหนาว เราก็เชื่อว่าบรรยากาศเหล่านี้ถูกบันทึกไว้ในเพลงของพวกเขาหมดแล้ว 

นอกเหนือจากการนิยามบทเพลงของพวกเธอเป็นงานสร้างสรรค์ เนื้อเพลงของลานดอกไม้จึงเป็นเหมือนไดอารี่จดบทบันทึกเรื่องราวที่พวกเธอเจอในชีวิตแต่ละวัน มันจึงเป็นอะไรที่ ‘ธรรมชาติ’  ไม่ปรุงแต่ง ทั้งในแง่ของบรรยากาศและความรู้สึกที่ใส่ลงไป เริ่มต้นด้วยการใช้ธรรมชาติเป็นวัตถุดิบ และหลังจากนั้นก็ปล่อยให้เพลงได้ทำหน้าที่ เปิดพื้นที่ให้ผู้ฟังได้เติมแต่งตัวละครและความทรงจำลงไปในแบบของตัวเอง 

ในทุก ๆ เพลงมักมีภาพลอยมาราวกับเราได้หลุดไปอยู่ในห้วงบรรยากาศเช่นในบทเพลง กลิ่นไอดินในหน้าฝน ชวนดำดิ่งกับความเหงาหม่น หรือบรรยากาศหน้าหนาวแสนโรแมนติกเหมือนฝัน ซึ่งเบื้องหลังการร้อยเรียงเหล่านี้ อูปิมก็บอกว่าเธอได้แรงบันดาลใจมาจากสิ่งรอบตัวทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ของตัวเอง หนังที่ดู เพลงที่ฟัง ธรรมชาติที่พบเจอ หรืออาจจะเป็นเรื่องของคนรอบตัวด้วยก็มีเหมือนกัน

“ถ้านิยามให้ครอบคลุมที่สุด เพลงของเราน่าจะเป็นแนวอินดี้ป็อป และส่วนใหญ่เพลงของเราไม่มีธีม ส่วนมากก็จะแล้วแต่ประสบการณ์ที่ปิมไปเจอมาหรือคนรอบตัวเจอแบบไหน ปิมก็หยิบมาแต่งเป็นเพลง

มันน่าจะเป็นเพราะเราเป็นคนที่อินกับอะไรพวกนั้น ดอกไม้ ต้นไม้ ท้องฟ้า สายลม แสงแดด เป็นคนชอบอยู่กับธรรมชาติด้วย อาจจะเป็นเพราะเราเป็นคนภาคเหนือด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ ด้วยความที่บ้านเราเจอภูเขา เจอต้นไม้ ก็เลยรู้สึกว่าอินกับอะไรพวกนี้”

ปรุงแต่งด้วยจินตนาการ พรรณนาได้ออกมาอย่างชวนฝัน

นอกจากประสบการณ์ที่เธอพบเจอด้วยตัวเองแล้ว หลาย ๆ บทเพลงก็มาจาก ‘จินตนาการ’ ที่ช่วยกันแต่งเติมจนเป็นเรื่องราวที่ให้เราผู้ฟังได้เข้าไปผจญภัยด้วย

อย่างเพลง On The Train ที่มิวสิควิดิโอเป็นคู่หนุ่มสาวพบกันบนรถไฟไทยชั้น 3 แล่นผ่านภูเขาและดอกไม้ข้างทาง เราเองก็อดจินตนาการ (เดา) ตามไม่ได้ว่าต้องเป็นเรื่องราวบนรถไฟสายเหนือแน่นอน 

แต่ ผิดคาด เบื้องหลังของบทเพลงนี้ได้แรงบันดาลใจจากผลงานหนังรักอมตะอย่าง ‘Before Sunrise’ เรื่องราวของคู่หนุ่มสาวที่เจอกันบนรถไฟสายยุโรปที่มุ่งหน้าสู่เมืองเวียนนนา ประเทศออสเตรีย

ซึ่งก็เป็นหนังโปรดอีกเรื่องโปรดของเธอที่หยิบมาเป็นแรงบันดาลใจเบื้องหลังเพลง ‘On the train’ อย่างที่เราได้ฟังและเห็นมิวสิควิดิโอกัน

We’re on the train going to somewhere 

That’s it our destiny 

ณ ที่แห่งนี้มันคือโลกใหม่ 

มีแค่ฉันและเธอ 

(ส่วนหนึ่งจากบทเพลง On The Train)

เพราะอากาศในทุก ๆ วันส่งผลต่อพฤติกรรมและความทรงจำของเรา

Q: อยากให้แชร์เพลงที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติสัก 1 เพลง

A: “ในอัลบั้มของเรามีเพลงหนึ่งที่ชื่อว่า ‘ฤดูฝัน’ ก็จะเป็นฟีลรอคอยหน้าหนาว ท่อนหนึ่งในเพลงนั้นร้องว่า.. ‘ทุกฤดูเปลี่ยนไปนับวันฉันฝันถึงเธอ..’ 

ปิมรู้สึกว่าฤดูของบ้านเรา จริง ๆ มันอาจจะมีแต่ร้อน ร้อนมาก แต่ว่าพอมันพูดถึงการรอคอยในทุก ๆ ฤดูไปหมด มันเลยรู้สึกว่าทุกฤดูก็มีความงดงามของมัน” 

Q: แล้วถ้าต้องหยิบสัก 1 ฤดูกาล มาแต่งเป็นเพลงล่ะ จะออกมาเป็นแนวไหน?

A: “จริง ๆ ปริมชอบฤดูนึงของต่างประเทศ คือ Autumn (ฤดูใบไม้ร่วง) ที่เต็มไปด้วยใบไม้สีแดงส้ม ซึ่งไทยเราไม่มีวันได้สัมผัส แต่รู้สึกว่าอยากได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนั้นและอยากแต่งเพลงเกี่ยวกับออทัม มันดูโรแมนติก”

ฟังเพลงลานดอกไม้จบแล้ว ก็ได้แต่หันมาถามตัวเองและชาวผู้อ่านต่อว่า แล้วคุณล่ะ? มีวันธรรมดาที่บรรยากาศดีแบบไหนที่อยากหยิบมาเล่าต่อบ้างไหมนะ? : )

สำหรับใครที่อยากติดตามผลงานของพวกเธอทั้งสองคน ตอนนี้พึ่งอัลบั้มแรกที่ปล่อยออกมาอย่าง ALL MY PURPLE FEELINGS ทั้งหมด 11 เพลง และคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรก 15 มิถุนายนนี้ ที่กำลังจะมาถึง ยังไงก็ตามไปฟังกันได้เลย!

Credit

Chayanit S.

Related posts

มองโลกรวน ไซโคลน สงคราม ผ่านผู้ลี้ภัยในโมซัมบิกกับภารกิจของ UNHCR

ชะตากรรมในศูนย์พักพิงของคนที่ฝันอยากกลับบ้าน แต่กลับถูกซ้ำเติมด้วยภัยจากมนุษย์

ฟางเส้นสุดท้ายก่อน 14 ตุลา: คดีลอบล่าสัตว์ป่าของอภิสิทธิ์ชนคนรวย

ซากกระทิง 16 สู่เสือดำ 61 สังคมไทยเรียนรู้อะไร?

จิบกาแฟคุยกับคนญี่ปุ่น ว่าด้วยเรื่องสิ่งแวดล้อมที่คนต่างชาติคิดไม่ถึง

นานาเรื่องคนกับสิ่งแวดล้อม ในมุมคนญี่ปุ่นในไทยกับ ‘Takahiko Honda’ ผู้ก่อตั้ง Econok